วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

การเรียนรู้จากประสบการณ์ย่อมดีกว่า "ตำรา"

หลายบริษัทฯ ต้องการพนักงานที่เคยผ่านงาน
หรือมีประสบการณ์ด้านต่าง ๆ มาแล้วไม่น้อยกว่ากี่ปี ๆ ก็ว่าไป
ผู้ที่เปลี่ยนงานใหม่ ในสายตาของคนไทย
มองว่าเป็นเรื่องไม่ดี อาจหมายถึงว่า คนที่เปลี่ยนงานบ่อย
คือคนที่มักทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้ หรือ????? มากมาย

แต่ในสายตาและความคิดของข้าพเจ้าคิดว่า
การเรียนแต่ตำราอย่างเดียวบางทีอาจทำให้ไม่เห็นภาพ
เมื่อเจอปัญหาจริง ๆ ตำราที่เขียน ๆ ไว้อาจใช้ไม่ได้
หรือใช้ได้ไม่ทันเหตุการณ์ต่าง ๆ

สมัยนี้คนส่วนมากแห่ไปเรียนกันสูง ๆ
ความรู้ก็จากตำราเดียวกัน สถาบันเดียวกัน
แต่สิ่งที่จะทำให้คนแตกต่างจากคนอื่นได้
นั่นคือ ตัวประสบการณ์นี่เอง (ชั่วโมงบิน)

บางคนจบนอก จบด๊อกเตอร์ แต่สอนงานคนอื่นไม่ได้
เพราะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องเพราะ Ego สูง
พี่สาวข้าพเจ้าก็เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเหมือนกัน
เพราะคิดว่าตนเอง มีความรู้เยอะกว่าชาวบ้าน
ไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น
จริง ๆ แล้ว เวลาพูด บอกกล่าวนั้นง่ายมาก
แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยากยิ่ง
หากไม่ได้ทำงาน หรือสัมผัสงานเองก็มักจะไม่เจอปัญหาหรอก

ก็เหมือนช่างเทคนิค
ที่เรียนมาน้อยแต่มีประสบการณ์ในด้านการทำงานสูง
เวลาเจอปัญหาในการทำงาน เขาสามารถแก้ไขได้ดีกว่า
เจ้านายบางคนที่ไม่ได้ไต่ระดับขึ้นมา พอจบมาปุ๊ป
ได้ตำแหน่งใหญ่โตเลย ...พวกนี้มักจะแก้ไขปัญหาไม่ค่อยได้

พี่สาวเคยคุยเรื่องนี้กับข้าพเจ้า
ว่าเห็นเด็กสมัยนี้ขยันเรียนเพิ่มเติมกันเข้าไป
แต่เวลาไปทำงานทีไร โทร.มาปรึกษา
ปัญหากับพี่สาวข้าพเจ้าบ่อย ๆ
คือ เรียนแต่ในตำราอย่างเดียว
สังคมภายนอกไม่รู้
เวลาไปเจอปัญหาแก้ไม่ได้
ยิ่งทำงานกับคนต่างชาติ
วัฒนธรรมของเขาไม่เหมือนกับของคนไทย
ยิ่งมีข้อจุกจิกมากมาย
สรุปแล้วว่า บางคนเรียนตามเพื่อน
จบออกมาแล้วไม่ได้ใช้วิชาชีพที่เรียนมา
นำมาใช้ประโยชน์ให้สูงสุด

ข้าพเจ้านำนิทานธรรมะมานำเสนอ
ลองอ่านดูเล่น ๆ เพื่อให้ข้อคิด
สำหรับเด็กรุ่นใหม่ ที่คิดว่ารู้
คิดว่าเจ๋งกว่าคนอื่นนั้น เป็นอย่างไร?

เรามักจะได้ยินใครต่อใครพูดเสมอว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เมื่่อเกิดมาแล้ว เลือกทางเดินชีวิตได้ มีบางคนเลือกไม่ได้เพราะมัันเป็น "กรรมลิขิต" คำว่า "กรรม" แปลว่า การกระทำรวมไปถึงกรรมในอดีตที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการกระทำในปัจจุบันนี้ด้วย มีบางชีวิตที่ยังไม่พบคำตอบให้กับตัวเองว่า "เกิดมาทำไม !"

เรื่องของชายหนุ่มที่จะเล่าต่อไปนี้ อาชีพที่เขากำลังทำอยู่คงไม่ใช่เพราะความต้องการ แต่เป็นเพราะความจำเป็นบังคับให้เขาต้องทำ เขามีอาชีพแจวเรือจ้าง นับแต่เช้าจรดเย็นต้องกรำแดด กรำฝน ต้องเหน็ดเหนื่อยที่จะต้องรับผู้โดยสารจากฝั่งนี้ไปฝั่งโน้น... จนกว่าจะหมดเวลาของแต่ละวัน ขณะนี้มันเป็นเวลาจวนจะพลบค่ำ ดวงตะวันกำลังจะลับเหลี่ยมฟ้าทางทิศพายัพ

มีชายร่างสมาร์ทแต่งตัวภูมิฐานผูกเนคไท เดินตรงมาแล้วบอกว่าเจ้าของเรือว่าจะข้ามไปทำธุระ เด็กหนุ่มเจ้าของเรือกล่าวต้อนรับให้ลงนั่งไปในเรือ เขารีบจ้ำรีบพายเรือด้วยความชำนาญ แขกผู้มาเยือนเริ่มเปิดบทสนทนา

"เฮ้ย! เอ็งนี่ ต้องทำงานหนักน่าเห็นใจนะ แสดงว่าเอ็งนี่เรียนน้อยด้อยการศึกษา จึงต้องพาตัวลำบาก คนที่ไม่ได้รับการศึกษาก็เท่ากับตายไปแล้วครึ่งตัว..."

"ครับ ครอบครัวผมยากจน พ่อไม่มีเงินส่งเรียน ผมจึงต้องยอมลำบาก แต่มันเป็นอาชีพสุจริต ที่ผมพอใจ"

"เอ็งรู้มั๊ย... ข้านี่ด๊อกเตอร์ เว้ย"

พูดสนทนากันเพียงชั่วครู่ ลมเริ่มกรรโชกแรง ฝนเริ่มเทลงมา เรือทำท่าจะล่ม มองดูด๊อกเตอร์หน้าจืด...

"เฮ้ย ! เรือเอ็ง จะล่มหรือเปล่าว๊ะ"
"ไม่แน่ครับ อาจจะล่มก็ได้ ท่านด๊อกเตอร์ว่ายน้ำเป็นหรือเปล่าล่ะ"
"ไม่เป็น ไม่เป็น โว้ย"
"เมื่อครู่นี้ ท่านบอกกับผมว่า คนเรียนน้อยก็เท่ากับตายไปแล้วครึ่งตัว แต่ท่านนั้นแหละ กำลังจะตายทั้งตัว..."

ด๊อกเตอร์ทั้งเจ็บ ทั้งอายที่ถูกเด็กมันหยาม ครู่ต่อมา... เรือล่ม จมหายไปกับสายน้ำ.....
เด็กหนุ่มเจ้าของเรือพาด๊อกเตอร์เข้าฝั่่งได้อย่างทุกลักทุเล

คติธรรม : "มีความรู้ หรือจะสู้ ผู้มีคุณธรรม"

เก็บมาจาก
หนังสือนิทานธรรมะ ชนะความเครียด(อินเทอร์เน็ต)

-----------------------------------------------------------
สมัยนี้คนมีเงิน ก็ขยันเรียนกันเข้าไป
แต่จริง ๆ แล้วเรียนกันไป
แล้วสามารถนำความรู้ที่เรียนมานั้น
เป็นประโยชน์แก่คนอื่นได้หรือเปล่า?

ด๊อกเตอร์ในบ้านเราเลยเกลื่อนเมือง
แต่ถ้าให้ทำงานแล้ว ทำไม่เป็น
จึงมักมีเห็นอยู่บ่อย ๆ (ดีแต่เปลือก)
ระหว่างคนที่ความรู้น้อยด้อยปัญญา
แต่แก้ไขปัญหาได้
กับคนความรู้มากแต่เอาตัวไม่ค่อยรอด
แบบไหนจะดูดีกว่ากันล่ะเนี่ยะ!

เพราะฉะนัั้น อย่าได้ไปดูถูกคนอื่น
ว่ามีความรู้ด้อยกว่าตน
เพราะยังมีสิ่งอื่น ๆ ในโลกนี้อีกมากมาย
ที่หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้

คนที่คิดว่ารู้แล้ว อาจยังไม่รู้ก็ได้

โดย คิดแล้วเขียน V:)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น