วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กฎแห่งกาม กฎแห่งกรรม

เก็บมาฝาก : ธรรมะจากนิตยสาร The secret
ตอบโดย ท่าน ว.วชิระเมธี

จดหมายทางบ้าน :
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนค่ะว่า
หนูเป็นกระเทย และเท่าที่ทราบ
คนที่เกิดมาเป็นแบบหนูเป็นเพราะทำผิดศีลข้อ 3
หนูจึงอยากกราบเรียน
ถามพระอาจารย์ เกี่ยวกับศีลข้อนี้โดยเฉพาะ
เพราะว่าพวกหนูมีโอกาสทำผิด
ศีลข้อ 3 นั้นมากว่าคนปกติ คำถามคือ

Q : การมีอะไรกับคนโสดด้วยกัน ด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย
หรือ Free sex
กับคนโสด ถือว่าผิดศีลข้อ 3 ไหมคะ

A : ถ้าดูตามเจตนารมณ์ของศีลข้อ 3 ก็น่าจะผิด
เพราะแม้คนโสดจะถือว่า

ยังไม่มีคู่ครอง แต่คนโสดก็ไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย
ในศีลข้อ 3 นั้น
ท่านอธิบายว่า คนโสดที่แท้ที่จริงก็เป็นคน
"มีเจ้าของ" ด้วยเหมือนกัน
นั่นคือ ยังมีพ่อแม่ ผู้ปกครอง
พี่น้อง เป็นเจ้าของชีวิตร่วมอยู่ด้วย

ดังนั้น แม้ไม่มีเจ้าของที่หมายถึง คู่สมรส
แต่ก็มีเจ้าของที่หมายถึง ผู้ให้ชีวิต

อย่างพ่อแม่ หรือผู้ร่วมสายโลหิต
เช่น ญาติพี่น้อง เป็นต้น


เจตนารมณ์ของศีลข้อ 3 ก็เพื่อป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ที่
"ขาดความรับผิดชอบ"ทั้งต่อตัวเองและต่อคู่สมรส
เมื่อพิจารณาในแง่นี้ การมีเพศสัมพันธ์กับคนโสด
ในลักษณะมีความ"สัมพันธ์" แต่ "ไม่ผูกพัน" นั้น
พิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่า ความสัมพันธ์อย่างนี้
ค่อนไปทางปรัชญาของการมีกิ๊กที่งานวิจัยระบุว่า
"กิ๊กไม่ใช่ชู้ แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิก" คือ
สัมพันธ์กันสนุก ๆ ขำ ๆ แต่เวลาเกิดปัญหาขึ้นมา
ปัญหานั้นมักเป็นปัญหาจริง ๆ
ที่โดยมากมักขำไม่ออกกันทั้งนั้น


Q : การดูสื่อลามกแล้วช่วยตัวเอง
ผิดศีลข้อ 3 ด้วยหรือเปล่า?


A : หากการช่วยตัวเองนั้นเป็นไปในลักษณะไม่หมกมุ่น
ก็น่าจะเป็นเรื่องที่พอยอมรับได้
คือ ไม่ผิดศีลข้อที่ 3 นั่นเอง

Q : การที่เราไปไล่จีบแฟนชาวบ้าน
(เขายังไม่ได้แต่งงานกัน)

ถ้าไม่สำเร็จจะถือว่าผิดศีลข้อ 3 ไหมคะ
แล้วถ้าสำเร็จจะเป็นกรรมหนัก
เท่ากับการผิดลูกผิดเมียคนที่แต่งงานแล้วหรือไม่คะ

A : ถ้าไม่สำเร็จก็อันตราย เพราะเป็น"ฉายาแห่งการละเมิด"
(ศัพท์ทางวินัย) หมายความว่า แม้ไม่สำเร็จ
แต่ก็เป็นเค้าลางแห่งการละเมิด

จริยธรรมทางเพศที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้ว
จึงเป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์


ส่วนถ้าทำสำเร็จก็เท่ากับละเมิดศีลข้อ 3 โดยสมบูรณ์
ผลในปัจจุบัน
ก็คือ ทำตัวเองเดือดเนื้อร้อนใจ
หากถูกจับได้ก็ครอบครัวแตกแยก

ผลในอนาคตที่จัดเป็นวิบากก็คือ
อาจมีชีวิตที่ต้องทนทุกข์เพราะเรื่องทางเพศ

เป็นเหตุ เช่น อาจเกิดในเพศบัณเฑาะก์
อาจถูกรุมกระทำชำเรา
อาจมีปัญหา
ฮอร์โมนทางเพศผิดปกติ
จนทำให้มีจิตใจและพฤติกรรม

ทางเพศเบี่ยงเบนผิดปกติ
จนทำให้มีความทุกข์กลุ้มรุมสุมทรวง

หรือไม่สามารถมีสถาบันครอบครัว
ที่อบอุ่นเหมือนอย่างคนอื่นเขา เป็นต้น



Q: คนที่รักเพศเดียวกันแล้วมีอะไรกับเพศเดียวกัน
แต่ไม่นอกใจกัน
และทำให้ชีวิตคู่เหมือนชายหญิงทั่วไป
ในกรณีนี้ถือว่าผิดศีลหรือเปล่าคะ


A: ถ้าเป็นความรักแท้ของคนทั้้งสองคน
โดยไม่มีพฤติกรรมละเมิดจริยธรรม

ทางเพศ คือ รักเดียวใจเดียว
เหมือนคู่สมรสปกติทั่วไป ก็ไม่น่าจะผิด


------------------------------------------------------
เก็บมาฝาก สำหรับคนที่คิดว่า คนโสด คือบุคคลสาธารณะ
สามารถทำอะไรก็ได้ .....โดยไม่ผิดศีล

นี่คือความละเอียดอ่อนของศีลข้อ 3 ซึ่งหลาย ๆ คน
กำลังละเมิดผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว

คิดแล้วเขียน :)V

มากับดวง

คุณเคยเชื่อเรื่องดวงชะตาไหม?
ข้าพเจ้าเป็นคนที่เชื่อเรื่องดวงชะตาเหมือนกัน
50/50 เพราะดวงนั้น เป็นสถิติของชีวิตมนุษย์
เป็นศาสตร์ที่พอจะเชื่อได้ แต่ก็อยู่กรรมปัจจุบันของคนนั้นด้วย
ถ้ากรรมปัจจุบันดี ก็จะมีแรงช่วยสนับสนุนให้เราดี
ถ้ากรรมปัจจุบันไม่ดี มันก็ช่วยลดทอนความดีที่เราสะสมมา
ในเรื่องของดวงชะตาก็เช่นกัน เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
เป็นบุญที่สะสมมาแต่ชาติปางก่อน(ข้าพเจ้าเชื่อการเวียนว่ายตายเกิด)

บางคนมีพรสวรรค์ที่ดีติดตัวมา ก็อยู่ที่บุญเก่า
หากวันนี้เรากินแต่บุญเก่า บุญใหม่ไม่เคยทำ ไม่เคยสะสมไว้เลย
ชาติหน้าก็ต้องไปลำบากอีก ....ที่พูดมาทั้งหมดวันนี้ก็เพราะว่า
พี่สาวข้าพเจ้าคุยเรื่อง ดาราบางคน มาพร้อมดวงจริง ๆ
บางคนหน้าตาสวย หุ่นดี คือดีทุกอย่าง แต่ไม่ดัง
ได้เล่นเป็นแค่ตัวรอง หรือตัวประกอบ

ดาราบางคนหน้าตาก็ไม่สวยเท่าไร แต่ดังระดับนางเอก
เล่นเป็นนางเอกได้ทุกเรื่อง ...ก็เรียกว่า
เกิดมาเป็นดารานั้น เป็นดวงของเขาจริง ๆ
ข้าพเจ้าก็เชื่อว่า คงอยู่ที่การทำความดีของดาราด้วยนั่นแหล่ะ

ถ้าคนเรารู้จักกตัญญู เดี๋ยวอะไร ๆ ก็ดีเอง
คนเราไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่
เราเริ่มต้นมาอย่างไร แต่ถ้าไม่หันกลับไปมอง
ต้นตอของเรา พูดง่าย ๆ ว่าลืมตัว
คนคนนั้น ไปได้ไม่ไกลหรอก

เคยเห็นไหม คนที่เนรคุณคนน่ะ
ผลลัพธ์คือ ไม่อยากมีใครคบด้วย
ไม่มีใครอยากให้งานทำ
หรือสนับสนุนให้เป็นใหญ่เป็นโต
ก็เพราะคำว่า "ขาดความกตัญญู"
พอดังแล้วถีบตัวออกห่าง
ช้คนอื่นเป็นบันไดให้ตัวเองก้าวขึ้นไป

ดาราบางคน พอดังแล้ว ก็ลืมตัว
ลืมว่าตัวเองมาจากที่ใด
จากการที่ดังไปแล้ว
พอเขาเห็นนิสัยไม่ดี เขาก็ไม่สนับสนุนให้งาน
มีออกเยอะแยะไป จะว่าเป็นดวงของดาราคนนั้นก็ไม่เชิงหรอก
แต่เป็นที่นิสัยของดาราคนนั้นมากกว่า
ว่าเขาสามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้นานแค่ไหน
ก็อยู่ที่ความประพฤติของเขาเหล่านั้น

วันนี้มากับดวง
พูดคุยเรื่องดาราบางคน ..
อยากเด่น อยากดัง พอดังแล้วก็ลืมตัว!!

ข้าพเจ้าเลยไม่อยากเป็นดารางัย
เพราะกลัวลืม ต.
กลัวว่าจะเดินแบบธรรมดาไม่ได้ อิอิ :)

คิดแล้วเขียน :)V

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เรื่องหนัก ๆ

หลายวันก่อน เถียงกับเพื่อนเรื่องไร้สาระ
ทำให้อารมณ์ขุ่นมัว บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แต่โดนคนทำให้อารมณ์เสีย
ก็เลยมีอารมณ์ค้างนิดหน่อย

เวลาอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากเขียน diary
กลัวปากตัวเองเหมือนกัน
ถ้าหลุดคำแรง ๆ ออกมา
รู้ตัวว่าไม่ค่อยน่ารัก
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี . .แต่แก้นิสัยนี้ไม่หาย

เพราะข้าพเจ้ายังเป็นปุถุชน
ยังต้องอยู่ในสังคมที่มาจากหลากหลายครอบครัว
เพื่อนดีต่อเรา เราก็พูดดี ๆ ได้ด้วย
แต่ถ้าเพื่อนพูดจา กระทบกระเทียบไม่ดีกับเรา
แล้วจะให้ข้าพเจ้าดีด้วยได้อย่างไร?

เพื่อนหลาย ๆ คนคงเห็นข้าพเจ้าพูดจาขัด
กับเพื่อนคนนี้บ่อย ๆ จริงบ้าง เล่นบ้าง
ซึ่งเขาเป็นพี่ แต่มีนิสัยชอบข่มข้าพเจ้าอยู่เรื่อย!

เพื่อนเลยเปลี่ยนชวนคุยเรื่องอื่นแทน ....
เพื่อนชี้ให้เห็นว่า ตอนที่ข้าพเจ้าไปเดินเทิดพระเกียรติ
ในวันที่ 12 ส.ค.52 ที่ผ่านมา
มีรูปข้าพเจ้าลงในนิตยสารของที่ทำงาน (ซึ่งข้าพเจ้ายังไม่เห็น)

เพื่อน หลาย ๆ คนก็คิดว่า ....เออ! ช่างภาพก็ตาถึงเหมือนกันนะเนี่ยะ!
5555 ....เปล่าหรอก พอดีตากล้องรู้จักสนิทกับเพื่อนที่ไปด้วย

ข้าพเจ้าเลยได้ลงรูปในนิตยสารฉบับนั้นหรอก!
เห็นรูปตัวเองแล้ว ไม่น่าเชื่อ ว่าจะบวมได้ขนาดนี้ อิอิ :))
ด้วยความที่ไม่ค่อยเห็นตัวเองในรูปถ่าย เพราะไม่มีใครถ่ายรูปให้
มัวแต่ไปถ่ายคนอื่น ....
ก็เลยกินเอา ๆ ๆ พอมาเจอรูปตัวเองจริง ๆ
ทำไมมันอ้วนจัง! ....ลืมตัวเองทุกทีว่า
ยังเหมือนเดิม! ...
(ใจน่ะยังเหมือนเดิม แต่สังขารซิไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว อิอิ :P)

วันนี้มา เรื่องหนัก ๆ เกี่ยวกับน้ำหนักที่ไม่เบา

คิดแล้วเขียน :)V

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เก็บมาเล่า

วันนี้ช่วงกลางวันได้ไปฟังพระเทศน์
(หลวงปู่เณรคำฯ) มาแสดงพระธรรม
ให้คนที่ทำงานของข้าพเจ้าฟัง

ข้าพเจ้าไม่รู้หรอกนะว่า web นี้
จะมีใครเข้ามาอ่าน แต่รู้สึกว่าเพื่อนที่ทำงาน
ของข้าพเจ้าหลายคน เหมือนจะรู้เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียน
บน web ....ไม่ได้หวงห้าม...แต่...
เมื่อเห็นคนอื่นเขาทำดี ก็ควรจะชื่นชมเขา
ไม่ใช่มานั่งจับผิด ...หรือแบบปากว่าตาขยิบน่ะ!

ถ้าสนใจธรรมะจริง ๆ น่ะ ไม่ว่าหรอก!
ใครทำดี ก็ได้ดีกับตัวเอง ใครคิดไม่ดี คนนั้นก็รับไปก็แล้วกัน
เกลียดมากเลย ไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองรู้ดี รู้แล้ว กว่าคนอื่นน่ะ
แต่การกระทำกลับตรงข้าม ปากยังนั่งนินทาคนนั้น คนนี้ที
นั่งเม้าท์เรื่องชาวบ้านอยู่เลย!

(ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ว่า ตนเองจะวิเศษกว่าคนอื่นหรอก
แต่ก็คิดว่า ตนเองมีศีลกว่าอีกหลาย ๆ คน)


...วันนี้ได้ฟังธรรมะหลวงปู่เณรคำ ท่านก็บรรยายประวัติท่าน
ตอนที่ท่านปฏิบัติธรรม ว่าเจออะไรมาบ้าง
ท่านบอกว่า ให้เชื่อเรื่องภพภูมิ นรก สวรรค์ เทพพรหม มีจริง
ตายแล้วไม่สูญ ... บางคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ ...อาจจะเห็นว่า
เป็นเรื่องงมงาย ....มีสิ่งลี้ลับเกิดขึ้นกับท่าน มีพญานาคจริง!
ฯลฯ เหมือนกับพระไตรปิฎกที่ได้เขียนกล่าวไว้

ท่านเล่าคร่าว ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่หลวงปู่ประสบเจอตอนปฏิบัติธรรม
เพื่อสอนให้คนไม่ดำรงอยู่ในความไม่ประมาท
ท่านเป็นพระป่าสายปฏิบัติ
วิปัสสนากรรมฐาน ...ศิษย์หลวงปู่มั่น ปุริทัตโต

ตอนนี้ได้มีโครงการจะสร้างพระแก้วมรกต
จำลององค์ที่ใหญ่ที่สุดไว้ที่วัดป่า บ้านท่าน
ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะร่วมทำบุญสร้างพระแก้วมรกตจำลองนี้ด้วย
ธรรมะของท่านวันนี้ เป็นธรรมะพื้นฐาน
กล่าวถึงเรื่องการปฎิบัติธรรมของท่าน

ดูท่าว่า หลวงปู่คงจะมาที่นี่อีกหลายครั้งนะ เห็นท่านกล่าวว่า
ครั้งหน้าจะเทศน์ธรรมะให้ถูกจริตกับคนฟังในอีกระดับหนึ่งด้วย
และขอเป็นช่วงบ่ายตอนท้องว่าง ๆ

เพราะท่านอิ่มจากฉันเพลแล้วเทศน์
เวลาพูดทำให้มีลมในกะเพาะท่านอึดอัด
โดยปกติ ท่านฉันแล้วมักจะเดินจงกลม
ทำให้ธาตุไฟทำงานได้ปกติ
แต่ฉันแล้วนั่ง ทำให้ท้องท่านอืด พระท่านว่าอย่างนั้น

ท่านกล่าวว่า มีเทพอัญเชิญท่านออกจากป่า
ให้มาแสดงธรรมกับพุทธศาสนิกชน
ท่านเลยต้องมาทำหน้าที่เผยแพร่ธรรมะนี้ด้วย

ซึ่งตรงกับใจข้าพเจ้าที่อยากจะทราบเรื่องราว
แบบนี้ด้วย เพราะข้าพเจ้าเองไม่ได้ออกบวช
ไม่ได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นโดยตรง ก็เลยอยากรู้
ได้ฟังธรรมะจากพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
และเป็นธรรมะในสายที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติโดยตรง...
รู้สึกถูกจริตข้าพเจ้าอย่างยิ่ง ยอมอดอาหารกลางวัน
เพื่อไปฟังธรรมะท่านก่อน ....

สรุปสุดท้าย ....พระท่านมาช่วยเผยแพร่บอกพุทธศาสนิกชนว่า
ภพภูมิตามที่เราได้ศึกษาจากพระธรรมคำสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้านั้นมีจริง!


คิดแล้วเขียน :)V

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แข็งนอก อ่อนใน

จั่วหัวเรื่องนี้ขึ้นมา
หลายคนอาจจะงงนิดหน่อย
เมื่อวานได้ข่าว
อดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช
ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยโรคมะเร็ง
ช่วงเวลาไม่นานเลย
ที่คุณสมัครได้ลงจากต่ำแหน่ง
จากนั้นไม่นาน ก็ได้ข่าวว่าเข้ารับการรักษาตัว
ด้วยโรคมะเร็ง

โรคมะเร็งน่ะ ใครเป็นแล้วต้องทำใจว่าตายทุกราย
เพียงแต่จะตายเร็วหรือตายช้า
หากตายเร็ว ก็ไม่ต้องรับการรักษาอะไรมาก
หากอยากอยู่ยาว ๆ ก็พยายามหาหนทางรักษาสุดชีวิต

ในความคิดของข้าพเจ้า คิดว่าคุณสมัครเป็นคนที่แข็งนอก
แต่อ่อนข้างใน เมื่อมีสิ่งใดมากระทบใจ ก็พาลป่วยอาการหนัก
ไม่คิดว่าแกจะไปไวขนาดนี้
แต่ด้วยความที่แกเป็นคนค่อนข้างปากเก่ง
และไม่ยอมใคร หรือด้วยทิฐิ
อาการของโรคก็เลยรุนแรง
ดูจากประวัติ แกก็เล่นการเมืองมาโดยตลอด
มาเสียตอนช่วงรับตำแหน่งนายกฯ นี่แหล่ะ

อย่างไรซะ ข้าพเจ้าก็ขออโหสิกรรม
แก่อดีตท่านนายกสมัคร สุนทรเวช ด้วย
หากเคยล่วงเกินมโนกรรม วจีกรรม กับท่านมาก่อน
เพราะข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยชอบคำพูดของท่าน เวลาตอบนักข่าว
หรือเวลาโต้ในสภา

คนเราก็มีทั้งดี และไม่ดี
ข้าพเจ้าก็จะพยายามเลือกจำในสิ่งที่ดีของท่านที่ทำไว้
ข้าพเจ้าก็คิดเหมือนกันนะว่า

ถ้าทำความดีมาตลอดชีวิต
แต่มาเสียตรงคบคนพาล
อาจทำให้เสียใจตลอดชีวิตได้เหมือนกัน
เวลาทำบุญอธิษฐาน ก็ขอให้ห่างไกลจากคนพาลพวกนี้
ขอให้มีปัญญา มีสัมมาทิฐิ
ไม่อย่างนั้น
หากวันนึงเราทำพลาดไป
อาจเสียใจจนตาย

แบบท่านสมัคร ก็ได้

ขออโหสิกรรม ...แด่ท่าน...สมัคร...สุนทรเวช

คิดแล้วเขียน :(

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อากาศเริ่มเย็น

ปีนี้ความเย็นมาช้ากว่ากำหนดมาก
ปกติวันลอยกระทงอากาศก็จะเริ่มเย็น
และฝนไม่มีแล้ว ปีนี้หลังลอยกระทง
ฝนยังตกอยู่ทุกเย็น
มีแค่ 2 วันมานี้ที่อากาศเย็นแล้วจริง ๆ
วันนี้ข้าพเจ้าเตรียมจัดกระเป๋าเพื่อเดินทางไปจีน
และหาข้อมูลพอสมควร ...ไปจีนครั้งนี้
อากาศคงหนาวสุดขั้ว ...ไปต่างประเทศทั้งที
ต้องไปดูในสิ่งที่วัฒนธรรมแตกต่างจากเรา
นั้นถือว่าคุ้มค่า ... อยากไปเจอหิมะเหมือนกัน
แต่อย่าเลย สงสารพ่อกับแม่ และตัวเองด้วย
หากหนาวเกินไป ก็คงหยิบจับอะไรไม่สะดวก
ครั้งนี้ เตรียมตัวเรื่องภาษาจีนไม่ทัน
คงใช้ภาษาใบ้ก็แล้วกัน อิอิ

...กลับมาคงเมื่อยน่าดู....^_^


.....ช่วงนี้ net ติด ๆ หลุด ๆ อีกแล้ว น่าเบื่อ...
ไม่แน่ใจว่า สาเหตุเกิดจากการทดลองใช้ระบบ 3G กันด้วยหรือเปล่า?
อยู่ช่วงระหว่างทดลองระบบ ก็เลยทำให้ net พิการไปด้วย
หลุด ๆ ติด ๆ ....จะรอดไหมเนี่ยะ!....
เอาเป็นว่า อากาศเย็นทำให้ใจข้าพเจ้าไม่ค่อยร้อนเท่าไร

ชอบอากาศเย็นสบายแบบนี้นี่แหล่ะ....

คิดแล้วเขียน :PV

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การเปล่งวาจาที่ควรกล่าว

จากการที่ข้าพเจ้าฟังธรรมของแม่ชีทศพร
ที่ผ่านมาก็หลายตอนอยู่ กล่าวถึงกรรมของแต่ละคนที่มาหาแม่ชี
เพื่อแก้กรรม จริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าไม่เน้นสอนให้แก้กรรม
เน้นให้ละความชั่ว เพื่อทำความดีให้ถึงพร้อม
หากความดีพร้อมแล้ว วิบากกรรมเก่าไม่ตัดรอน
ผลแห่งความดีนั้น ก็จะปรากฎออกมาเอง

ที่แม่ชีช่วยเหลือบุคคลที่มีความทุกข์เหล่านั้น
โดยชี้ให้เห็นกรรมของแต่ละคน
ว่าทำอย่างไรมา ถึงได้มีผลเป็นแบบนั้น

ชี้ให้รู้ถึงเหตุที่เกิดทุกข์ ...ซึ่งจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงนั้น
เราไม่สามารถทราบด้วยตนเอง เพียงแต่ผู้ทรงศีลเป็นผู้กล่าว
โดยดูจากเหตุปัจจุบันสามารถมองย้อนไปในอดีตได้

แสดงว่าจิตของคนเรา เป็นตัวสะสม Memory ทุกเรื่องราว
ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ....บางครั้งเศษกรรมของอดีต
สามารถส่งผลให้เราเป็นไปในปัจจุบัน
ซึ่งการแก้กรรมของแม่ชีนั้น ส่วนมากจะให้เจ้าตัวที่มีความทุกข์
กล่าวหรือเปล่งวาจาออกมา ขออโหสิกรรม บางครั้งก็ให้สมมติ
เล่นเป็นเจ้ากรรมนายเวรคนนั้น ๆ ในชาติก่อน
ซึ่งการเปล่งวาจาแบบนี้ เป็นตัวปลดปล่อยจิตตัวเดิมนั่นเอง
ไม่เช่นนั้น เราคงจะต้องวนเวียนในเรื่องเดิม ๆ

จริง ๆ แล้วเจ้ากรรมนายเวร ข้าพเจ้าเชื่อว่า
คือ สิ่งที่เราสั่งสมทุกอย่างไว้ในจิต
หากเป็นกรรมไม่ดี ก็ทำให้เราทุกข์
กรรมดีก็ทำให้เราสุข และเป็นตัวกำหนดโชคชะตาของเราได้
ก็คือ ตัวจิต ของเรานั้นเอง

คิดดี พูดดี ทำดี ล้วนแต่ส่งผลต่อชะตากรรมของเราทั้งสิ้น

การเปล่งวาจา หรือการอธิษฐานวาจาออกมาขออโหสิกรรม
นั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ที่เราประสบอยู่
ที่มักจะวนเวียนกลับมาหาเราเสมอ เสมือนเป็นกงกรรมกงเกวียน
บางคนล้มเหลวชีวิตครอบครัว ก็มักจะประสบปัญหาแบบนั้นตลอด

ข้าพเจ้าก็สันนิษฐาน ว่าคนที่เคยคิดฆ่าตัวตายครั้งนึงได้
ชาติต่อไปก็จะมีเหตุที่ทำให้เขาคิดฆ่าตัวตายแบบนั้นอีก
จนกว่าจะหลุดถอนออกจากวงเวียนของจิตแบบนั้น
และการปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนา ก็เป็นสิ่งที่แก้กรรมได้ดีที่สุด
เหมือนเป็นเครื่องล้าง memory ขยะในใจที่สะสมมาหลายภพหลายชาติ

และจากการที่ข้าพเจ้าอ่าน และฟังธรรมะ อย่างองคุลิมาล
สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ โดยกรรมจากการที่ฆ่าคนเป็นร้อย ๆ
ก็ไม่สามารถตามมาทันได้ ด้วยอานิสงค์ของการปฎิบัติและเจริญกรรมฐานนี่เอง

ข้าพเจ้าเห็นคนที่ปฏิบัติธรรมแล้ว บางคนก็ยังไม่หลุดพ้น
บางคนก็ยังเข้า ๆ ออกวัดอยู่ เหมือนการสอบเป็นขั้น ๆ ไป
แล้วแต่บารมีที่สั่งสมด้วย
ช่วงอายุขัยมนุษย์นั้น สั้นนัก ชาติภพเดียว
คงไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฎฎสงสารได้หรอก
เพราะมันมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกด้วยเสมอ
อาจจะเป็นกรรมดี หรือไม่ดี ....พระพุทธเจ้าจึงสั่งสอนให้เรา
ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ให้รีบสะสมความดี ละความชั่ว
เพื่อจิตของเราได้ผ่องใส

ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนจักไม่คลายหายไปได้ง่าย ๆ
ก็เหมือนกินยาแก้โรคความทุกข์ แต่ก็ยังไม่หายขาดสักที
กินยาธรรมะ เพื่อประคองชีวิตไปชาตินึง ชาตินึง
เกิดมาภพใหม่ ชาติใหม่ ก็เสมือนเริ่มต้นเรียนรู้ นับหนึ่งกันใหม่
หากใครพอมีทุนความดีของเดิม ก็เกิดมาอยู่ในชาติตระกูลดี
ไม่อดอยาก ลำบากมากนัก ...

นอกจากที่จะมีความเพียร ตั้งหน้าปฏิบัติธรรม ตั้งมั่นเอาจริงเอาจัง
เพื่อหลุดพ้นกองทุกข์แห่งนั้นจริง ๆ ติดต่อกันหลายชาติ

อย่างเช่น พระพุทธเจ้าก่อนที่จะตรัสรู้และปรินิพพานได้
ท่านได้สั่งสมบารมี มีความเพียรในการทำความดี
ยาวนานมาถึง 10 ชาติ แน่ะ
แล้วเราล่ะ วันนี้พอจะมีความดีที่เกิดในใจตนเองบ้างหรือยัง?

ถ้ายังก็คงต้องรีบทำแล้วล่ะ เพราะเหลือเวลาอยู่บนโลกมนุษย์อีกไม่นานนัก
20-30 ปี นี่ไม่นานเลยนะ ก็คงเหมือน
หนังสือเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ของดังตฤณ
ที่พยายามสอนวัยรุ่น ให้รู้จักธรรมะนั่นเอง ....

คิดแล้วเขียน :)V

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปริศนาพุทธทำนาย

ปริศนาพุทธทำนาย

ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล และคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง 16 ประการ ประกอบด้วย


1.
ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4 ตัว ต่างคิดจะชนกัน ก็พากันวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวงจาก 4 ทิศ ฝูงชนต่างรอดู โคทั้งสี่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป ไม่ชนกัน -

พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายว่า ในอนาคตในชั่วศาสนาของพระองค์ เมื่อโลกหมุนไปถึงจุดที่เสื่อมลง มนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ฝนฟ้าจักแล้ง ทุพภิกขภัยจักเกิดขึ้น คล้ายเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มีเสียงคำรามกระหึ่ม แต่แล้วก็ไม่ตก กลับเลยหายไป เหมือนโคตั้งท่าจะชนกัน แต่ไม่ชนกันฉะนั้น


2.
ทรงฝันว่า ต้นไม้เล็กๆ และกอไผ่ที่โตเพียงคืบบ้าง ศอกบ้าง ก็ออกดอกออกผลแล้ว -

พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปเมื่อโลกเสื่อม มนุษย์แม้จะมีอายุเยาว์ มีวัยยังไม่สมบูรณ์ก็จะมีราคะกล้า และสมสู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย และจะมีลูกแต่เด็กๆ เหมือนต้นไม้เล็กๆ แต่ก็มีผลแล้ว


3.
ทรงฝันว่า ทรงเห็นแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิด -

ทรงทำนายว่า ต่อไปในอนาคตการเคารพนบนอบผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์จะเสื่อมถอย คนเฒ่าคนแก่พ่อแม่เมื่อหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ต้องประจบเด็กๆ ดังที่แม่โคที่ต้องกินนมลูกโคฉะนั้น


4.
ทรงฝันว่าผู้คนไม่ใช้วัวตัวใหญ่ ที่สมบูรณ์แข็งแรงเทียมแอกลากเกวียน กลับไปใช้โครุ่นๆ ที่ยังปราศจากกำลังมาลาก เมื่อมันลากเกวียนให้แล่นไม่ได้ มันก็สลัดแอกนั้นเสีย -

ทรงทำนายว่า ในภายหน้าเมื่อผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม แทนที่จะยกย่องและมอบหมายหน้าที่ ให้กับผู้มีสติปัญญา ความรู้ กลับไปมอบยศศักดิ์ให้กับคนหนุ่มที่อ่อนหัด ด้อยประสบการณ์ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี กิจการต่างๆ ก็ไม่สำเร็จ ก็เหมือนใช้โครุ่นมาเทียมแอก เกวียนก็แล่นไม่ได้ฉันใด ก็ฉันนั้น


5.
ทรงฝันว่าเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนก็เอาหญ้าไปป้อนที่ปากทั้งสองข้าง มันก็กินทั้งสองข้าง -

ทรงทำนายว่า ในอนาคตเมื่อผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจไม่ดำรงอยู่ในธรรม ตั้งคนพาล หรือคนไม่มีศีลธรรมไว้ในตำแหน่งอันมีผลต่อผู้อื่น คนเหล่านั้นก็จะไม่นึกถึงบาปบุญ คุณโทษ แต่จะตัดสินคดีต่างๆ ตามแต่ใจชอบ โดยเอาสินบนจากทั้งสองฝ่ายเป็นประมาณ ดังม้าที่กินหญ้าทั้งสองปาก


6.
ทรงฝันว่าฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง พร้อมเชื้อเชิญให้หมาจิ้งจอกตัวนั้น ถ่ายปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น -

ทรงทำนายว่า ต่อไปคนดีมีสกุลทั้งหลายจะสิ้นอำนาจวาสนา คนตระกูลต่ำ หรือคนพาลจะได้เป็นใหญ่เป็นโต และคนมีตระกูล ก็จะต้องยกลูกสาว ให้แก่ผู้ไร้ตระกูลเหล่านั้น เหมือนเอาถาดทองไปให้หมาปัสสาวะรด


7.
ทรงฝันว่า มีชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปในที่ใกล้เท้า แม่หมาจิ้งจอกโซตัวหนึ่ง นอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่งอยู่ แล้วก็กัดกินเชือกนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว -

ทรงทำนายว่า ในกาลข้างหน้า ผู้หญิงจะเหลาะแหละ โลเล ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว เที่ยวเตร่ ประพฤติทุศีล แล้วก็จะเอาทรัพย์ที่สามีหาได้ด้วยความลำบากไปใช้ หรือให้ชายชู้ เหมือนนางหมาโซที่นอนใต้ตั่ง คอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่น และหย่อนลงไว้ใกล้เท้า


8.
ทรงฝันว่ามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆ เป็นอันมาก แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆ นั้นเลย -

ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจ จะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะมีคนจนหารายได้ ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มที่ว่างอยู่กลับไม่ไปใส่น้ำ


9.
ทรงฝันเห็นสระแห่งหนึ่ง มีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ สัตว์ต่างๆ ก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น กลับใสสะอาด ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระที่สัตว์ไม่ไปดื่มหรือ เหยียบย่ำแทนที่จะใส กลับขุ่นข้น -

ทรงทำนายว่า ต่อไป เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำนาจ รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมือง ก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่นๆ ทำให้ที่นั้นๆ ที่คนพากันไปอยู่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เหมือนน้ำรอบๆ สระที่ใส ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า เหมือนกลางสระที่ขุ่น


10.
ทรงฝันว่า เห็นข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน สุกไม่เท่ากัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี -

ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อคนทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรมกันมากขึ้น ก็จะทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกไม่ทั่วถึง ทำให้การเพาะปลูกบางแห่งได้ผล บางแห่งก็ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับข้าวที่มีสุกบ้าง ดิบบ้าง และแฉะบ้าง


11.
ทรงฝันว่าคนนำแก่นจันทน์ที่มีราคาแพง ไปแลกกับเปรียงเน่า (อ่านว่า เปฺรียง มี 3 ความหมาย คือ 1. นมส้มผสมน้ำแล้วเจียวให้แตกมัน 2.น้ำมันจากไขข้อวัว และ 3.เถาวัลย์เปรียง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงเถาวัลย์เปรียง เทียบกับแก่นจันทน์ที่เป็นไม้เหมือนกันมากกว่า 2 ความหมายแรก) -

ทรงทำนายว่า กาลภายหน้า พระภิกษุอลัชชีเห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนที่จะนำธรรมะ ที่พระพุทธองค์สอน ไปสอนสั่งให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ และละความโลภ กลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหากิน หาปัจจัยบริจาคเข้าตัวเอง เหมือนเอาแก่นจันทน์ (ธรรมะคำสอนที่ดี) ไปแลกเอาเถาวัลย์เน่า (ลาภอามิสที่ได้รับมา ซึ่งไม่จีรังและไม่ช่วยให้พ้นทุกข์จริงๆ ได้)


12.
ทรงฝันเห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้ -

ทรงทำนายว่า ต่อไปคำพูดของคน ที่ไม่ควรจะได้รับความเชื่อถือ กลับจะได้รับความเชื่อถือ โดยเปรียบถ้อยคำของคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีน้ำหนักเบาเหมือนกับผลน้ำเต้า ซึ่งปกติจะลอยน้ำ แต่เมื่อคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก หรือหนักแน่น จึงเปรียบคำพูดนั้นว่ามีน้ำหนัก ราวกับน้ำเต้าที่จมน้ำได้


13.
ทรงฝันว่าศิลาแท่งทึบขนาดเรือน ลอยน้ำได้เหมือนเรือ -

ทรงทำนายว่า ถ้อยคำของคนที่ควรได้รับการเชื่อถือ ซึ่งหนักแน่น มีน้ำหนักเปรียบประดุจแท่งศิลา กลับไม่ได้รับความเชื่อถือ หรือกลายเป็นถ้อยคำที่ไม่มีน้ำหนักเหมือน เรือที่ลอยได้ ข้อนี้ตรงกันข้ามกับข้อที่แล้ว คือ คนหันไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่ควรเชื่อ เหมือนสิ่งที่ควรลอยกลับจม สิ่งที่ควรจมกลับลอย


14.
ทรงฝันว่า ทรงเห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ และกัดเนื้องูเห่าขาดเหมือนกัดก้านบัว แล้วกลืนกินเข้าไป -

ทรงทำนายว่า เมื่อมนุษย์ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส ราคะ สามีจะตกอยู่ในอำนาจของเมียเด็ก และจะถูกดุด่าว่ากล่าวเช่นเดียวกับคนรับใช้ เหมือนเขียดตัวเล็กๆ แต่กลับกินงูได้


15.
ทรงฝันว่า ฝูงพญาหงส์ทอง ที่มีขนเป็นทอง ถูกแวดล้อมด้วยกา -

ทรงทำนายว่า ในอนาคตผู้มีตระกูลต้องไปเที่ยวประจบ และสวามิภักดิ์ต่อผู้ไม่มีตระกูล เหมือนหงส์ทองแวดล้อมด้วยกา


16.
ทรงฝันว่า ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง และกัดกิน ทำให้เสืออื่นๆ สะดุ้งกลัว จนต้องหนีไปแอบซ่อนตัวจากฝูงแกะ -

ทรงทำนายว่าต่อไปภายหน้า คนชั่ว หรือคนที่ไม่ดีจะเรืองอำนาจ และใช้อำนาจเป็นธรรม ทำให้คนดีถูกทำร้าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องหลบหนี ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้ เหมือนเสือซ่อนตัวจากแกะ


เมื่อพิจารณาความฝัน จะเห็นว่าหลายข้อในความฝัน เป็นสิ่งที่ผิดไปจากธรรมชาติ เช่น แม่โคกินนมลูกโค ม้าสองปาก เขียดกินงู และแกะกินเสือ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนมีนัยอันไปสู่พุทธทำนายทั้งสิ้น หลายคนอาจจะสงสัยว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ในสมัยพุทธกาล ทำไมฝันได้ไกลไปถึงอนาคต อันไม่เกี่ยวข้องกับพระองค์ได้ถึงเพียงนี้ ผู้เขียนเชื่อว่าคงเป็นเพราะเทวดาดลใจ ให้พระองค์ฝันแปลกประหลาด เพื่อพระบรมศาสดาจะได้ฝาก พุทธทำนายเป็นคำพยากรณ์อันอมตะไว้ เป็นเครื่องเตือนสติ ให้มนุษย์โลกได้ตระหนัก และระมัดระวังภัยพิบัตินานัปการ ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า หลังจากที่พระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว เพราะคงเล็งเห็นด้วยญาณวิเศษแล้วว่า นับวันคนเราก็จะห่างไกลจากหลักธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ จนเป็นเหตุให้มนุษย์มุ่งทำลาย เอารัดเอาเปรียบทั้งเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง และสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อกอบโกยไปบำรุงบำเรอกิเลสแห่งตน โดยขาดความรัก ความเมตตาต่อกัน จึงทำให้คนเห็นแก่ตัว และมีผลให้สภาพแวดล้อม ธรรมชาติแปรปรวนไปหมด


ในปัจจุบัน เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น ฝนแล้ง อันทำให้เพาะปลูกได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ปัญหาเรื่องศีลธรรมและจริยธรรม เช่น เด็กและเยาวชนแก่แดดขึ้น มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยเพิ่มขึ้น ลูกขาดความกตัญญู และความเคารพยำเกรงต่อพ่อแม่ อลัชชีหรือพระทุศีลมีมากขึ้น ชายแก่ตกอยู่ในอำนาจเมียเด็ก หรือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เช่น คนขาดความรู้ประสบการณ์ ได้รับแต่งตั้งให้ปกครองบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้มีอำนาจรับสินบน ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป คนรวยยิ่งรวยเพราะมีช่องทาง และโอกาสเอาเปรียบคนจน เหมือนตุ่มใหญ่ที่คนตักน้ำไปใส่จนเต็มแล้วเต็มอีก แล้วปล่อยตุ่มเล็กให้ว่างเปล่า ตัวอย่างเหล่านี้ ล้วนไม่พ้นคำพยากรณ์ที่ทรงทำนาย บอกแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า จะเกิดขึ้นในอนาคตของสมัยโน้น ก็คือ สมัยนี้หรือปัจจุบันนั่นเอง


อย่างไรก็ดี ก็ยังมีพุทธทำนาย เพิ่มเติมที่มีผู้ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย ความว่า พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า “....เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้น จะพบกับความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนเวียนไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ คนในสมัยนั้น(ปัจจุบัน) จะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย และคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น...ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพหลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบ กลับไม่มีคนเคารพยำเกรง พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศ มีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่ง


เมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ (น่าจะหมายถึงพระศรีอาริยเมตตไตรย์)....จะเสด็จมาเสริมสร้างพระศาสนา ของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปอีก 5,000 พระวรรษาคำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศีลห้าประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่หลงมัวเมาในอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาลนี่คือพุทธทำนายที่ทรงตรัสไว้ กว่า 2500 ปีล่วงมาแล้ว ส่วนใครจะเชื่อ จะปฏิบัติหรือไม่อย่างไร ก็คงเป็นไปตามกรรม ของแต่ละคนดังพระพุทธองค์ว่าไว้


ขอขอบคุณข้อมูลข่าว : อมรรัตน์ เทพกำปนาท สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม




-------------------------------------------------

ปริศนาพุทธทำนาย (ของแม่ชีทศพร)
บรรยายธรรม โดยแม่ชีทศพร

ฝากไฟล์ V028.WAV_000002034.mp3




วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฟังสนุก

วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์
รู้สึกเบื่อ ๆ เหมือนกัน
แต่พอเจอผู้ร่วมงานเป็นกันเอง
ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอ หรือร่วมงานกันมาก่อน
กลับพูดคุยสนุกสนาน เป็นกันเอง

ข้าพเจ้าก็แปลกประหลาดใจตนเองเหมือนกัน
เจอหน้าเขา ข้าพเจ้ายกมือสวัสดีเขาได้
โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ (แปลกใจตัวเอง)
คุยไปคุยมา ถึงรู้ว่าเขาก็มีธรรมะอยู่ในใจเหมือนกัน

คนร่วมงาน ถ้าให้ความร่วมมือในการทำงาน
ทำให้งานที่น่าเบื่อ กลายเป็นงานที่น่าทำได้

และช่างบังเอิญเสียจริง ที่เขาคุยกับเพื่อนเขา
เรื่องไปเที่ยวปักกิ่ง ช่วงตุลาคมนี้เอง
เราเลยได้ฟัง และผสมกับความอยากรู้อยากเห็น
ก็ถามเขา คุยกันสนุกสนาน

เขาเล่าว่าตอนที่ไปปักกิ่งที่ผ่านมา
อากาศหนาวมาก ติดลบ 8 องศาC หิมะตกด้วยแน่ะ
เขาก็เล่าประสบการณ์ในการเที่ยวให้ข้าพเจ้าฟัง
ทั้งกำแพงเมืองจีน พระราชวังของจีน สุสานจีน ฯลฯ
ประสบการณ์ในการซื้อ และต่อรองสินค้า ฯลฯ
เขาแนะนำข้าพเจ้าหลายอย่าง

พอดีช่วงนี้อยากฟังเรื่องคนไปเที่ยวจีนมาอยู่ด้วย
เลยคุยถูกคอ ฟังสนุก เขาก็โม้ให้เราฟังว่าเป็นอย่างไร
แล้วที่เราจะเดินทางไปคุนหมิง จะเจออะไรบ้าง
ก็คงไม่ต่างกันเท่าไร เขาบอกว่าคุนหมิง
เป็นเมืองเก่า ธรรมชาติ แต่ที่ปักกิ่ง
จะเป็นวัฒนธรรมเก่าและใหม่ผสมกัน

เวลาเดินทางจีนห้ามนำครีมชนิดต่าง ๆ
ทาหน้า
ทาผิว น้ำหอม หรือยาสีฟันขึ้นเครื่อง
เขากลัวว่าจะไปเป็นชนวนระเบิดได้
ให้นำของเหล่านี้ใส่กระเป๋าใบใหญ่
(ไว้ใต้เครื่องบินให้หมด)
หรือตอนเดินทางกลับด้วย
ของฝากให้ pack ของลงกระเป๋าใบใหญ่ด้วย
มีบางคนซื้อครีมบัวหิมะ ด่านตรวจคนเจอปุ๊บ
โยนทิ้งเลยมันไม่สนใจ

มีแต่เสื้อหนาว และของมีค่าติดตัวอย่างเดียวก็พอแล้ว ...
เขาโม้ถึงเรื่องไปลุยหิมะ ไต่บันไดกำแพงเมืองจีน ...
เขาบอกว่า คราวหน้าให้ข้าพเจ้าไปเที่ยวปักกิ่งเลย

ข้าพเจ้าคิดว่า เขาอาจจะเพิ่งเคยไปเมืองจีนด้วย
เลยอาจตื่นเต้นกว่าปกติ
ก็คงเหมือนข้าพเจ้านั่นแหล่ะ อิอิ ^__^
ถ้าได้ไปหลาย ๆ ครั้งคงจะชิน ...ไม่มีเรื่องโม้มากนัก

ครั้งแรก ๆ ของการเดินทาง หรืออะไรก็แล้วแต่
มักจะเห่อสุดขั้ว แต่พอผ่านไปสักระยะ ก็งั้น ๆ แหล่ะ
ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่นี่เน๊าะ อะไรที่ไม่ซ้ำซากจำเจ ก็มักจะตื่นเต้น
เป็นธรรมดา เอาเป็นว่าวันนี้ข้าพเจ้าฟังเขาคุยสนุกรู้เรื่อง
การเดินทางไปจีนมาบ้างอีกเล็กน้อย :))

คิดแล้วเขียน :)V

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

net เพี้ยน

วันนี้ช่วงบ่าย เข้า net เจออาการแปลก ๆ อีกแล้ว
เข้า internet แล้วขึ้นหน้า

http://portal.totisp.net/tsg/invalid.docode=01

HTTP Status 404 - /tsg/invalid.docode=01


type Status report

message /tsg/invalid.docode=01

description The requested resource (/tsg/invalid.docode=01) is not available.


Apache Tomcat/5.5.20

....
เมื่อวานโทร.ไปบอกสำนักงานที่ขึ้นทะเบียน internet ไว้
เขาก็บอกว่า check แล้วไม่มีปัญหานี่นา หรือเป็น sever
ให้ลองเข้าดู ตอนเย็นเมื่อวานก็เข้าได้

วันนี้เป็นอีก เริ่มเพี้ยน ๆ นี่แหล่ะน้า
บริการ ToT ชาวบ้านถึงด่าว่า ห่วยแตก!
แล้ว 3G มันจะรอดหรอกหรือ???

ถ้าคนเขามีธุรกิจ ที่จำเป็นต้องติดต่อไปยังต่างประเทศ
แล้วเข้า net นะเวลานั้นไม่ได้ ...ทำไงล่ะพี่น้องเอ๋ย...
หรือว่า ใกล้ถึงเวลาล่มสลายเต็มทีแล้วกระมัง!!

อดทนใช้ เพราะเห็นว่าเป็นสมบัติของเรา
ช่วย ๆ ใช้ ถ้าคนในบ้านยังไม่ใช้ของของตัวเอง
แล้วจะให้ชาวบ้านเขามาใช้ และนั่งเชื่อถือได้อย่างไร?
ใครถามอะไร ก็ตอบเขาไม่ได้ แล้วพนักงานกี่คนในบริษัทฯ
ที่ไม่ใช่พวกวิศวะ รู้ไหมว่า 3G คืออะไร
ทำไมต้อง 3G....

ก็เหมือนคนในครอบครัว คนในบ้านทะเลาะกัน
แต่ดันเอาเรื่องในบ้านไปบอกคนอื่น บอกคนข้างบ้าน
ให้คนข้างบ้านมาช่วยตี คนในบ้าน
แล้วแบบนี้ ครอบครัวจะเป็นครอบครัวได้อย่างไร

ก็เหมือนกับการเมืองในขณะนี้
หรือจะให้ดี ก็เหมือนกับผัวเมียทะเลาะกัน
ให้เพื่อนมาช่วยเคลียร์ เพื่อนจะช่วยเคลียร์ได้อย่างไร
มีแต่ยุยงส่งเสริมให้ตีกันเสียมากกว่า ...ประมาณนี้

ข้าพเจ้าคนนึงล่ะ ...เห็นใครมาด่าพี่น้องตนเอง
เป็นทนไม่ได้เหมือนกัน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่น้อง เป็นญาติ
ขี้มันดีกว่าไส้ แต่ถ้าสาวไส้ให้กากิน
คนแบบนี้ ก็คบไม่ได้เช่นกัน! ....

คนในบ้าน ยังไม่รัก ไม่สามัคคีกันเลย
แล้วจะให้คนอื่นมารักได้อย่างไร ....
ว่าจะไม่พูดการเมืองแล้วหนา!!!

เห้อ! เบื่อ! เซ็ง!

คิดแล้วเขียน :(