วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หนังสือ สวรรค์มีจริง


วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา เช้าก็ไปทำบุญใส่บาตรที่วัดใกล้บ้าน
แต่ตอนเย็นไม่ได้ไปเวียนเทียน เพราะไม่ค่อยสะดวก
ช่วงนี้ เวปแม่ชีทศพร ถูกปิดไป ช่วงหลัง ๆ ข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยได้เข้าไปชมคลิปสักเท่าไร
เพราะท่านไปบรรยายที่ต่างประเทศ
ช่วงนั้น ข่าวหนาหูมาก เรื่องแก้กรรม ที่แม่ชีแนะนำให้ไปนอนกับเด็ก
คลิปอันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ดู ช่วงหลัง ๆ แทบจะไม่ได้ฟังคลิปของแม่ชีเลย
เพราะไปหาอ่านกับพระสงฆ์รูปอื่น แต่ที่แม่ชีสอน ต้องยอมรับนิดนึงว่า
ท่านเป็นผู้ที่จุดประกายบางอย่างในการทำความดีของข้าพเจ้าเหมือนกัน
แต่วิธีการสอน บางครั้งออกจะขำ ๆ อันนั้นก็แล้วแต่ ผู้สอน ไปดูบันทึกเก่า ๆ
ที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ ดูคลิปก็ขำ ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่
เหมือนเปิดโลกอีกด้านนึงว่า จริงหร๋อ มีแบบนี้ด้วยหรือ ประมาณนั้น
ก็เปรียบเสมือนโลกธรรม 8 ที่คุณแม่ชีต้องเจอนั่นแหล่ะ
ทุกอย่างมีขึ้น ก็มีเสื่อม อาจจะเสื่อมในการแสดงธรรม
ในด้านพื่นฐานจิตของแม่ชี อาจจะยังไม่บริสุทธิ์เพียงพอ
หรือดูกรรมคนอื่นมากไป ทำให้อิทธิฤทธิ์ของแม่ชีเสื่อมได้
ข้าพเจ้าเชื่ออย่างนั้นนะ ก็ว่ากันไป ....

ช่วงนี้ก็หาหนังสือธรรมะ และหนังสือแนวลึกลับทางจิตวิญญาณ
รู้สึกจะชอบเป็นพิเศษ :)) อยากรู้ว่า พวกนี้เขามีประสบการณ์ทางจิต วิญญาณอย่างไร
ทำอย่างไรถึงสามารถล่วงรู้อะไรได้เยอะแยะกว่าคนปรกติ
แต่ส่วนมาก ข้าพเจ้าชอบอ่านของพระสงฆ์มากกว่า
ฆราวาสไม่ค่อยชอบอ่าน
อาจเป็นเพราะว่า ศีลพวกนี้ ยังไม่ค่อยบริสุทธิ์มากพอมั้ง
ยังไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร ขนาดชียังโดนเพ็งเล็งเลย
นับประสาอะไร กับบุคคลธรรมดาที่มีญาณ

อ่านเรื่อยเปื่อย ที่พบมากคือ สแกนกรรม มีหลายเจ้า
นับตั้งแต่พวกนี้มาออกรายการทีวี หนังสือพวกนี้ก็ขายดิบขายดีเป็นดอกเห็ด
ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ติดตามมากนัก อาศัยดูทีวีย้อนหลังเอา
ก็คิดว่า สมัยนี้คนที่มีญาณพวกนี้ มีเยอะนะ ส่วนมากจะเป็นพวกหมอดู ซะมากกว่า
ตอนนี้กำลังสนใจหนังสือเล่มนึง กำลังอ่านอยู่ เป็นของนักปฏิบัติธรรม
ผู้มีประสบการณ์ในการถอดจิต คุยกับเทพ คุยกับเจ้าที่ (อันนี้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

คิดไรมาก อ่านแล้วก็สนุกดี เหมือนเปิดโลกไปอีกบานนึง
เรื่องแบบนี้ คนเขียนก็บอกแล้วว่า ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง
แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าสนุกในการอ่านมากกว่า ^^

คนเราไม่สามารถเท่าเทียมกันได้
ก็เพราะคนเราทำบุญมาไม่เท่ากัน
แม้แต่สวรรค์ ก็มีชั้นไม่เท่ากัน

สวรรค์ หรือ เทวโลก คือภพภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียด เป็นภพภูมิอันมีแต่ความสุข สมบูรณ์ด้วยทิพยสมบัติต่างๆ ซึ่งมีอยู่ 6 ชั้น ผู้ที่จะไปจุติบนสวรรค์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ประกอบบุญกุศลอันดีงาม

พรหมโลก นั้นเป็นภพภูมิที่อยู่ของผู้ที่เจริญสมาธิจนได้ ฌาณ ซึ่งมีอยู่อีก 20 ชั้น

สวรรค์ หรือ เทวโลก มี 6 ชั้น ซึ่งเรียกว่า ฉกามาพจร มีดังนี้

1. จาตุมหาราชิกา มีท้าวมหาราชทั้ง 4 เป็นผู้ปกครอง คือ
-1. ท้าวธตรฐ ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์
-2. ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกครุฑ
-3. ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค
-4. ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์

2. ดาวดึงส์ มีพระอินทร์ เป็นผู้ปกครอง
3. ยามา มีท้าวสุยามเทวราช เป็นผู้ปกครอง
4. ดุสิต มีท้าวสันดุสิตเทวราช เป็นผู้ปกครอง
5. นิมมานรดี มีท้าวสุนิมมิตเทวราช เป็นผู้ปกครอง
6. ปรนิมมิตวสวัตดี มีท้าวปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช เป็นผู้ปกครอง

พรหมโลกมีทั้งหมด 20 ชั้น แบ่งเป็น รูปพรหม 16 ชั้น และ อรูปพรหม 4 ชั้น

รูปพรหม 16 ชั้น

1. พรหมปาริสัชชาภูมิ
2. พรหมปุโรหิตาภูมิ
3. มหาพรหมาภูมิ
4. ปริตตาภาภูมิ
5. อัปปมาณาภาภูมิ
6. อาภัสราภูมิ
7. ปริตตสุภาภูมิ
8. อัปปมาณสุภาภูมิ
9. สุภกิณหาภูมิ
10. เวหัปผลาภูมิ
11. อสัญญีสัตตาภูมิ
12. อวิหาสุทธาวาสพรหมภูมิ
13. อตัปปาสุทธาวาสพรหมภูมิ
14. สุทัสสาสุทธาวาสพรหมภูมิ
15. สุทัสสีสุทธาวาสพรหมภูมิ
16. อกนิฏฐสุทธาวาสพรหมภูมิ

อรูปพรหม 4 ชั้น

1. อากาสานัญจายตนภูมิ
2. วิญญาณัญจายตนภูมิ
3. อากิญจัญญายตนภูมิ
4. เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ


เพราะฉะนั้น จะให้มนุษย์เท่าเทียมกันได้นั้น
ก็คงต้องดูที่ความดีของแต่ละคน
จะเท่าเทียมกันได้งัย
ในเมื่อคนเราทำเหตุปัจจัย ไม่เท่ากัน
โลกนี้ไม่ยุติธรรมจริงหรือ?

โลกยุติธรรมเสมอ สำหรับผู้ที่ทำความดีโดยแท้จริง ^^

คิดแล้วเขียน :))V

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

แนะนำหนังสือเกี่ยวกับ : จิต


ช่วงนี้บ้าเล่นเกมส์มากไปหน่อย :)
เลยไม่ค่อยได้อ่านหนังสือธรรมะ
ก็คิดว่า เมื่อเกมส์อยู่ตัวแล้ว ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ ๆ
เราก็ต้องหาสิ่งอื่น ที่น่าสนใจกว่า
มันเป็นตามธรรมชาติของมนุษย์
เป็นธรรมชาติของจิต ที่ชอบเสาะหาสิ่งใหม่ ๆ ให้ยึดเหนี่ยว

อ่านและฟัง ดู ธรรมะมาเยอะ มีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับจิต
ว่ามันมีที่มา และที่ไปอย่างไร ทำไมคนเราต้องเวียนว่ายตายเกิด
ในวัฎสงสาร ไม่รู้จักจบสิ้น
เผอิญว่าได้ไปค้นพบ หนังสือเล่มนี้เข้า
เป็นคำตอบที่โดนใจ มันเป็นหนังสือบทสรุป
เกี่ยวกับธรรมะที่เคยได้อ่านมา

แก่นของกิเลสทั้งหลายนั้น ล้วนมาจากจิต
เวียนว่ายตายเกิด ก็เพราะตัวจิต เป็นตัวนำ
รัก โลภ โกรธ หลง เวียนวนเป็นร้อย ๆ พัน หมื่น แสนชาติ
ไปภพภูมิต่าง ๆ ซึ่งสุดแล้วแต่บุญ แต่กรรมเป็นตัวสร้าง
ไม่มีวันไหนที่ไม่มีกรรม กรรมเป็นตัวนำพา "จิต"
ไปยังที่ต่าง ๆ แม้ร่างไม่มี แต่จิตมันสามารถไปได้
ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุทั้ง 4 เมื่อรวมตัวเข้า
บวกกับจิต ก็เป็นร่างมนุษย์ได้

กรรม หมายถึง "การกระทำ"
เริ่มต้นจากความคิด ความคิด ก็มาจากจิตที่ปรุงแต่ง
อยากเปลี่ยนกรรม หรือเปลี่ยนชะตาชีวิตของตนเอง
ก็ต้องเปลี่ยนความคิด และการกระทำของตนเองใหม่

จะเปลี่ยนความคิดอย่างเดียวไม่ได้
มันไม่สอดคล้องกัน ต้องเปลี่ยนการกระทำด้วย
แต่การกระทำที่เราคิดว่า เราทำดีแล้ว
ทำไมไม่เห็นได้รับผลดีตอบแทนเลย

เราต้องย้อนดูด้วยว่า ก่อนหน้านั้น
เราทำไม่ดีเอาไว้หรือเปล่า ทำให้มีอุปสรรค ขัดข้องในชีวิต
ที่เรียกว่า เป็นวิบากกรรม
สรุปแล้ว ให้ไปซื้อหนังสือเล่มนี้อ่านเถอะ
ถ้าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับจิต

คิดแล้วเขียน
:V

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เก็บมาฝาก : น้อยใจบุญ

น้อยใจบุญ


ทศพร.คอม -:- www.thossaporn.com อ่าน [6167]


รายละเอียด
มนุษย์ปุถุชนที่ยังมีกิเลส และไม่สามารถตัดมันออกไปจากใจได้ มักจะมีสิ่งที่เรียกว่า “อารมณ์” อยู่คู่กับจิตใจเสมอ แต่กระนั้นก็มี “เหตุผล” หรือ “สติ” เป็นเครื่องช่วย คอยระงับยับยั้งอารมณ์ไว้ แต่คราวใดที่อารมณ์มีพลังเหนือกว่า ก็จะมีคำกล่าวที่ว่า “อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล” นั่นเอง

อารมณ์หลักของความเป็นกิเลสมารนั้น ประกอบไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสำคัญ แต่ก็ยังมีแยกย่อยออกไปอีก เช่น ดีใจ เสียใจ ร่าเริง ชื่นใจ หรือน้อยใจ เป็นต้น

วันนี้แม่ชีจะขอกล่าวถึง “ความน้อยใจ”ก่อนค่ะ

เขาว่าคนที่ใจน้อยมักจะน้อยใจง่าย นี่แม่ชีไม่ได้เล่นคำอะไรนะคะ คนใจน้อยไม่ได้หมายถึงหัวใจมีปริมาณน้อย แต่หมายถึงใจไม่หนักแน่น เมื่อใจไม่หนักก็เท่ากับเป็นคนใจเบานั่นเอง... อย่าเพิ่งงงนะคะ

“น้อยใจ” เป็นอาการอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความหงุดหงิดใจ ความเครียด คิดมาก จิตปริวิตก แต่มักจะเกิดกับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี หรือคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นบวก แต่กลับได้ผลตอบแทนเป็นลบ เช่น สาวน้อยคนหนึ่งน้อยใจแฟนของเธอ นั่นก็เพราะเธอคิดว่าเธอรักเขามาก เขาก็น่าจะรักเธอมากเช่นกัน นั่นคือคิดว่าน่าจะเป็นบวกแต่ผลที่ได้กลับเป็นลบ เพราะแฟนของเธอกลับไม่ค่อยสนใจเธอสักเท่าไหร่ ก็เลยเกิดอาการน้อยใจ

ทีนี้ก็มาถึงหัวข้อที่แม่ชีตั้งไว้ นั่นคือ “น้อยใจบุญ” ตรงนี้ก็หมายความว่า คุณโยมบางท่านเป็นคนดี มีนิสัยชอบทำบุญสุนทาน ไม่ค่อยคิดจะทำผิดคิดร้ายอะไรใคร ก็เลยมีความหวังอยู่ในใจ ว่าการทำดีนั้นน่าจะส่งผลดีเป็นการตอบแทนให้ตนเองได้ดี หรือเมื่อทำบุญก็หวังจะได้บุญตอบแทน แต่เมื่อไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ก็เลยเกิดอาการน้อยใจ คือ รู้สึกว่าทำดีไม่ได้ดี หรือทำบุญมามากมายแต่ทำไมไม่ได้บุญ หรือทำไมชีวิตจึงได้ลำบากอยู่อย่างนี้ แล้วถ้าคิดต่อว่าจะเลิกทำบุญเสียดีไหม นี่ก็คืออาการ “น้อยใจบุญ” นั่นเองค่ะ

แม่ชีเคยดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ซึ่งพิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการชอบพูดว่า “คุณทำดีแล้ว...แต่ยังดีไม่พอที่จะเข้ารอบต่อไป”

นี่อาจจะเป็นคำตอบสำหรับญาติโยม ที่แม่ชีจะนำมาตอบสำหรับคนที่น้อยใจบุญก็ได้ ว่าโยมทำบุญแล้วแต่ยังทำไม่มากพอ เพราะฉะนั้น...ขอให้ทำต่อไปค่ะ

หนังสือ เกิดแต่กรรม 4
จัดทำโดย : บริษัท บี พลัส พับลิชชิ่ง จำกัด
จัดจำหน่ายโดย : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด(มหาชน)
พิมพ์ที่ : บริษัทไทยยูเนี่ยนกราฟฟิกส์ จำกัด

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

ความรัก(ราคะ)ก่อเกิดชาติภพ

ปัจจุบันนี้ คนแอบมีกิ๊ก มีชู้กันเยอะ
เลยขอนำตัวอย่างกรรมที่แม่ชีทศพรได้บรรยายธรรม



และอีกตัวอย่างนึง คนที่ทรยศต่อแผ่นดิน
ทำให้ประเทศไทยแตกแยก จะต้องเกิดเป็นชายใจเป็นหญิง

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

วงจรมนุษย์ วัฏจักรชีวิต

วันนีืฉันมีโอกาสได้คุยกับเพื่อนในสิ่งที่ฉันคิด
ฉันเห็นรถยนต์มากมายบนท้องถนน
บ้านหลายหลัง คอนโดผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ด
ฉันคิดว่า ทุกคนจำเป็นต้องมีเป็นของตนเองด้วยหรือ
แล้วเราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับสิ่งที่เราสร้างได้กี่ปี
ถ้าฉันซื้อรถ ซื้อบ้าน เป็นของฉันเอง
ฉันจะใช้เวลาอยู่กับมันคุ้มค่ากับสิ่งที่ฉันได้มาไหม
(ตลอดชีวิตบางคน อาจจะหาเงินไม่ได้มากขนาดนั้น)
มันคุ้มค่าไหม ถ้าเราเกษียณจากงาน
แต่ต้องมาเสียเงินค่ารักษาพยาบาลตนเองในบั้นปลาย
เพราะทำงานหนักมาตลอดชีวิต เพื่อให้ได้บ้าน และรถยนต์สักหลังนึง
เป็นของตนเอง ให้มีเท่าเทียมคนอื่น

แล้ววงจรชีวิตของมนุษย์ มันจำเป็นที่จะเป็นเช่นนั้นหรือ?
ถ้าไม่แต่งงานล่ะ เราจะใช้ชีวิตแบบใด
บั้นปลายชีวิตเราจะเป็นอย่างไร? หากเราไม่มีบ้านอยู่?


การสร้างหลักฐานให้กับตนเอง
ถ้าเป็นคนมีครอบครัว มีลูก สิ่งนี้ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันจำเป็น
นั่นคือ ทำให้ลูก แต่ถ้าเป็นคนโสดล่ะ คุณจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
อีกกี่สิบปี ไม่นานหรอกนะ บางคนซื้อบ้านหลายหลัง
ซื้อรถยนต์หลายคัน ทำงานหนักแทบทุกวัน
ทำเพื่อให้เข้าสังคมได้ แต่ถ้าถามว่า

สิ่งที่คุณทำไปทุกวัน คุณมีความสุขกับมันไหม
ได้มีเวลาอยู่กับบ้านในหลังที่คุณสร้างขึ้นมา
นอนหลับได้เต็มตา ไม่ต้องรีบตื่นขึ้นมาไปทำงาน
มีเวลาพูดคุยใกล้ชิดกับคนที่คุณรัก

ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ชีวิตมนุษย์วุ่นวายขึ้นทุกวัน
ต่างแก่งแย่ง แข่งขัน เพื่อจะมี เพื่อจะเป็น
หากใครไม่มี หากใครไม่เป็น ก็โดนสังคมรังเกียจ
เข้ากับคนอื่นไม่ได้ เราต่างแบกรับภาระที่สังคมยัดเยียดให้
โดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าใครจะคิดแบบฉันบ้างไหม
คนที่ยังไม่มีอะไรเป็นของตนเองเลยในชีวิต


คิดแล้วเขียน :))