วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

มองรอบด้านผ่านวิกฤติ : ว.วชิระเมธี

หลายวันก่อนข้าพเจ้าเจอหนังสือธรรมะเล่มใหม่
เรื่อง "การเดินทางของความคิด 1 "
(เข้าใจว่าอาจมีเล่มต่อ)
เป็นการถกสัจธรรมชีวิตกับนักคิดผู้มีชีวิตชัดเจน
จากสถานีวิทยุอสมท. FM 96.5 คลื่นความคิด

เลยซื้อเก็บไว้อ่าน 1 เล่ม
และซื้อให้พี่ที่รู้จักอีก 1 เล่ม
วันนี้ขอยกตัวอย่างบทความที่สุดฮิต
สำหรับวัยรุ่นบางคน ที่อกหัก รักคุด ตกงาน ^__^

เราควรมีหลักยึดอย่างไร เมื่อกำลังจะถูกทิ้งทั้งจากความรักและการงาน?

ความคิดเดินทาง ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ให้แนวคิดกับเรื่องนี้ว่า

คนที่ถูกทิ้งมีอยู่ 2 ประเภท

1. มีคุณสมบัติพอที่เขาจะทิ้ง
คือ คนในบริษัท หรือคนที่คบกันอยู่
ไม่ใช่จะทิ้งกันง่าย ๆ จะถูกทิ้ง
มันต้องมีที่มาที่ไปพอสมควร
เขาไม่ทิ้งคนอื่นแล้วเขามาทิ้งเรา
ก็แสดงว่าคุณสมบัติเข้าขั้น

2. ได้รับความอยุติธรรม เขาจึงทิ้ง
คือฉันไม่ได้แย่หรอก แต่ถูกกลั่นแกล้ง
หรือว่าบริษัทอาจจะไปไม่รอด ก็เลยตัดสินใจ
สละเรือ อาตมาก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดจึงถูกทิ้ง
ที่วัดป่าของอาตมา
อาตมาเดินมาแล้วสังเกตดูต้นมะกอกสูงชะลูดขึ้นไปไม่เหลือใบเลย
เห็นลูกมะกอกเต็มต้นไปหมด อาตมาก็คิดว่า
ทำไมมันสลัดใบ ก็เพราะจะเข้าหน้าแล้ง
จะต้องยอมทิ้งบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้อยู่รอด

ในชีวิตของเรามีการได้ มีการเสีย
มีการรับ มีการทิ้งอยู่ในชีวิตเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
เราทิ้งบางสิ่งบางอย่างไป ไม่ได้หมายความว่า
เราต้องแย่ไปด้วย
บางทีใบไม้ที่ยอดปลิดตัวเองทิ้งขั้วลงไป
ทิ้งจมอยู่ใต้ต้นไม้ ก็เพื่อที่จะเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้
การที่เราทิ้งไป บางครั้งทำให้เราได้เจอสิ่งที่ดี
ไม่ได้หมายความว่า ทิ้งไปแล้วไปเจอสิ่งที่เลว

อาตมาเคยรู้จักดาราคนหนึ่ง ตอนนี้ยังโลดแล่นแสดงหนัง
แล้วก็มีชื่อเสียงในระดับที่เรียกว่า ดาวค้างฟ้า
วันหนึ่งก็มาหาอาตมา แล้วก็เล่าชีวิตให้ฟังว่า

ครั้งหนึ่งเคยถูกผู้กำกับใหญ่ทิ้ง ทั้ง ๆ ที่เรียกไปคุยก่อนใครเพื่อน
ว่าให้เล่นหนังใหญ่ กลับมาบ้านร้องไห้ 3 คืน ไป ๆ มา ๆ
โชคดีได้เล่นหนังที่ไม่ได้ใหญ่หรอก แต่ว่าเงินดีกว่าเดิม

แล้วตั้งแต่นั้นมา งานเข้าไม่เคยขาด
ปรากฎว่าเพื่อนที่มาเสียบแทนเธอปีนั้นได้เล่นหนังใหญ่
เรื่องนั้นเพียงเรื่องเดียว ในขณะที่เธอได้เล่นหนังเล็ก ๆ ธรรมดา
6-7 เรื่องต่อปี เฉลี่ยเป็นเงินเป็นทองแล้ว ชื่อเสียงมากกว่า
คนที่มาเสียบแทนเธอ 1 เรื่องเสียอีก

บางทีเราอย่าไปสรุปว่า การที่เราพลาดอย่างหนึ่งแล้ว
จะไปต่ออย่างอื่นไม่ได้
อาตมาขอเล่าเรื่องจริงของอาตมา
ตอนที่อาตมาภาพเป็นสามเณรน้อย
วันหนึ่งอาตมาเก็บข้าวเก็บของจะไปอยู่กรุงเทพฯ
แต่ก่อนเดินทางหลวงพ่อเรียกอาตมาไปหาบอกว่า
ปีหน้าค่อยไปได้ไหม อาตมาร้องไห้เลย
หาว่าหลวงพ่อกลั่นแกล้งเรา
เราจะไปเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ไม่ให้เราไปเรียน
แต่เพื่อนเราปล่อยไปทีละ 5 รูป
แล้วหลวงพ่อให้ไปอยู่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

ปรากฎว่าที่นั่นเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐาน
อาตมาถูกปล่อยเกาะอยู่ที่นั่น 2 เดือน
พออาตมาได้เรียนวิปัสสนากรรมฐาน
อาตมาร้องไห้เลย
เพราะอาตมาได้รู่ว่า นี่คือ
วิชาที่ประเสริฐที่สุดที่พระพุทธเจ้าสอนเราไว้
เป็นพระ ถ้าไม่ได้เรียนวิปัสสนาเหมือน
เป็นทหารแต่ไม่ได้ออกสงคราม
มันไม่สมภาคภูมิ เราจะเอาแต่เรียนในเชิง
ปริยัติ เชิงทฤษฎีไม่ได้

ต่อมาเมื่ออาตมาโตขึ้น
อาตมาถึงได้รู้ว่า
ถ้าอาตมาไม่ได้เรียนวิปัสสนากรรมฐาน
อาตมามาบวชไม่นานขนาดนี้หรอก
ป่านนี้กิเลสเอาไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนอาตมาที่ไปเรียนต่อวิทยาลัยสงฆ์
4 รูป เรียนจบปริญญาตรีทุกรูป
ลาสิกขาไปมีครอบครัวเล็ก ๆ

อาตมาก็มานั่งนึกดู เราไปเรียนวิปัสสนากรรมฐาน
2 เดือน แต่ผลของมันฉันจะได้ใช้วิชานี้ทั้งชีวิต
เราพลาดหวังจากการไปเรียนในวิทยาลัย

แต่เราได้วิชาที่ดีที่สุด คือ วิปัสสนากรรมฐาน
คืนมาให้ชีวิตเรา ในตอนนั้นอาตมาก็เสียใจมาก
แต่มานั่งนึก ตอนนี้อาตมาดีใจที่สุดเลย

และหลักธรรมทำให้ผ่านพ้นวิกฤติของชีวิตได้คือ
"อดทน" สักวันหนึ่ง สิ่งเลวร้ายก็จะผ่านไป

-----------------------------------------------
ข้าพเจ้าขอคัดลอกบทความบางส่วนมาให้อ่านเท่านั้น
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
อยากได้ความรู้เพิ่มเติมหาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ร้านหนังสือทั่วไป
หรือไม่ใครมีเพื่อน มีพี่ มีน้อง
ก็แบ่งปันกันอ่านก็ได้ค่ะ ได้บุญดี อิอิ ^__^

โดย คิดแล้วเขียน V:)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น