วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

ปากมีหู ประตูมีช่อง

ใครทำอะไร ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเห็น
บางทีเขาเห็น แต่เขาไม่พูด
หากเป็นเรื่องที่เขาเสียประโยชน์แล้ว
เขาสามารถนำเรามาประจานได้เหมือนกัน

เหตุการณ์ที่บางทีเราไม่คาดคิด
อาจจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ไม่มีใครรู้
แต่คนอื่นเขามองเรา เขาก็ว่าเรามีเจตนาไม่ดีได้เช่นกัน

วันนี้คนในที่ทำงาน เก็บกระดาษรีไซเคิล
พวกซองเอกสารที่ไม่ใช้แล้ว โดยฉีกทำลาย
และให้รถที่รับซื้อกระดาษมาชั่งน้ำหนักแล้วขนไป
ซึ่งทำมาหลายครั้งแล้ว เจ้านายก็ไม่ได้ว่าอะไร
เพราะเงินที่ได้รับมาเข้าส่วนงาน


ปรากฎว่า มีชายผู้หนึ่งที่ทำงานอยู่แถวนั้น
เขาสังเกตพฤติกรรมว่า พวกเราทำกันมาหลายครั้งแล้ว
เงินที่พวกเราขายกระดาษได้ตั้งมากมายนั้นไปไหน
เขาเห็น เขาก็ถ่ายรูปเก็บไว้
เขาบอกว่ากระดาษเป็นงบของบริษัทฯ
เงินที่ได้ต้องเข้าองค์กร ไม่ใช่เข้าส่วนงาน

ข้าพเจ้านึกแล้วเชียวว่าสักวัน
ต้องมีคนที่ไม่พอใจ นำเรื่องนี้ไปพูด
แล้วก็จริง ๆ แต่กลับมาเจอแจ๊คพ๊อต
ตรงเปลี่ยนเจ้านายคนใหม่ซะด้วย
ไม่รู้ว่าใครจะโยนอุจจาระ ให้นายคนใหม่ด้วยหรือเปล่า?
เพราะที่ทำงานเดี๋ยวนี้ มักเล่นใต้กระโปรง

เอ้ย! ไม่ใช่ ...เล่นใต้โต๊ะ
เกมส์การเมืองในที่ทำงานกันสนุกมันส์ไปเลย
จะอะไรก็แล้วแต่ หากเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง
แม้ว่าเราจะไม่ได้มีเจตนาก็ตาม
ใครก็ไม่สามารถเอาผิดเราได้

ระบบการทำงานสมัยนี้ ใช้คำว่า หยวน ไม่ได้
เราต้องมีวินัยพอสมควร
หากเราทำตามกฎระเบียบของบริษัทฯ
หรือทำตามกฎหมาย
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นวันนี้
ใครก็ไม่สามารถเอาผิดเราได้

ก็คล้ายตำรวจ วันนึงนึกอยากจับผิด
วันนึงปล่อย หยวน ๆ ไป
แต่ถ้าวันใด ตำรวจมันอยากรีดเงิน
มันก็หาข้ออ้างเอาผิดเราจนได้
หากเราทำถูกกฎ ถูกระเบียบ
หรือถูกข้อบังคับเสียแล้ว
มันก็ไม่สามารถเอาผิดเราได้เช่นกัน
เพราะเราทำถูกกฎกติกา




ทางที่ดี เราต้องทำให้ถูกกติกา
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ก็ไม่มีใครหน้าไหนสามารถเอาผิดเราได้

ทำผิดครั้งแรก อย่าปกปิดความผิด
อย่าอายที่จะกล้ารับผิด
แล้วจะไม่มีคำว่า ถลำลึก!
หรือสายเกินไป


ข้าพเจ้าได้รับบทเรียนจากหลาย ๆ อย่าง
อย่างการทำงานที่ผ่านมา
ทำเกี่ยวกับเอกสาร ซึ่งบางครั้งดูว่าไม่มีสาระสำคัญอะไร
แต่มันมี! หากคนมาเจอที่เราทำผิด แล้วเราแก้ไขโดยผละการณ์
ไม่มีหลักฐาน รู้กันเฉพาะหัวหน้าบางคนเท่านั้น

หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เกิดงานนั้นมีปัญหา
หรือโดนสอบสวนขึ้นมา
ทีนี้แหล่ะ น่าอายกว่าหลายเท่า
สู้เรารู้ว่าตนเองทำผิด แล้วยอมรับผิดตั้งแต่แรก
ว่าเราทำงานผิด และพลาดไป
คนที่เขาทำงาน เขาก็ต้องเข้าใจ
ทำงานทุกอย่างจะให้ perfect ทั้งหมดเป็นไปไม่ได้
เพราะคนที่ทำงาน ไม่มีใครเลยไม่เคยทำงานผิด
เพียงแต่ครั้งต่อไป เราต้องระวังมากขึ้น! เท่านั้นเอง

อย่าอายที่จะยอมรับผิดในครั้งแรก
เพราะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
ดีกว่า คอยปกปิดความผิดของตนเองไปเรื่อย ๆ ๆ
ทีนี้ก็กลายเป็นทำผิดซ้ำซาก และถลำลึกยิ่งขึ้น

เหมือนกับหนังละคร ที่ตัวร้ายฆ่าคนตาย 1 คนเพื่อปิดบังความผิดของตน
แต่มีคนมาเห็นว่าตนฆ่าคนตาย ต้องการปกปิดความผิด
ทีนี้ก็ต้องฆ่าคนต่อไปเรื่อย ๆ ๆ เพื่อปิดความผิดนั่นเอง

นี่คือข้อคิดที่ได้จากการทำงาน และการดูละคร อิอิ ^__^


โดย คิดแล้วเขียนV:)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น