วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปริศนาธรรมข้างโลงศพ

วันนี้ข้าพเจ้ากับญาติ ๆ ไปงานศพของเพื่อนป้า
ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ซึ่งเป็นที่รู้กันสำหรับผู้ที่มาวัดนี้ประจำ
ว่าเป็นวัดที่ไม่มีข้าวต้ม กระเพาะปลาเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานศพ
แต่ทางเจ้าภาพจัดหาขนมและนม
ใส่กล่องแจกให้แขกมาร่วมงานแทน

ส่วนพวงรีด สมัยนี้นิยมซื้อเป็นพัดลม
แล้วเขียนชื่อแทนพวงหรีดดอกไม้
ซึ่งก็แปลกดี เพราะเมื่อเสร็จงานศพแล้ว
ทางเจ้าภาพสามารถนำพัดลมที่ได้
ไปบริจาคสถานที่ต่าง ๆ หรือวัด
ก็ได้ประโยชน์ในการทำบุญอุทิศส่วนกุศล
ให้คนที่ตายได้อีกวิธีหนึ่ง

ส่วนพระที่วัดนี้ เทศน์ซะ 40 นาที
เหลือ 20 นาที ก็สวดพระอภิธรรมแค่จบเดียว
แล้วให้เจ้าภาพถวายผ้าไตร

วันนี้พระท่านเทศน์ถึงเรื่อง ปริศนาธรรมในงานศพ
การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเผชิญ
ไม่ช้า หรือเร็ว ทุกคนต้องเจอกับเรื่องการพลัดพรากในสิ่งที่ตนรัก
ไม่ว่าจะจากเป็น หรือจากตาย ทุกคนต้องเจอเหตุการณ์นี้

เรามางานศพ เราก็ได้สติในการพิจารณาว่า
เมื่อถึงคราวของคนที่ตนเองรักต้องจากไป
เราจะต้องทำอย่างไร ถ้าพิจารณาอยู่เนือง ๆ
ก็จะทำให้พบกับความทุกข์น้อยลง
ไม่ต้องเสียใจมากมาย
ยิ่งหากใครเป็นแขกผู้มีเกียรติมางานศพของผู้อื่น
ทำให้พิจารณาถึงคนที่เรารักได้เป็นอย่างดี

การที่มีอาหารที่ผู้ตายชอบแล้วเซ่นไหว้ ไว้ข้างโลงศพ
ทำให้เราพิจารณาว่า ตอนนี้ หากมีคนที่รักอยู่
ก็ต้องดูแล เอาใจใส่ ถ้ามี พ่อแม่ยังอยูู่
ก็หมั่นดูแลท่าน ให้รับประทานอาหาร
ในสิ่งที่เขาชอบ เมื่อตายไปแล้ว เขาไม่สามารถ
รับประทานอาหารที่เราเซ่นไหว้ได้ หรือแม้กระทั่ง
ใส่บาตรทำบุญไปให้ท่าน เดือดร้อนพระท่านอีก
หากเกิด พ่อแม่ชอบกินขาหมู ทองหยิบ ทองหยอด
พระจะไม่ฉันอาหารนั้นก็ไม่ได้ เพราะขัดศรัทธา
บรรดาญาติโยมที่ตั้งใจถวายของที่พ่อแม่ตนเองชอบ
ผ่านพระ.....ทำให้พระหลาย ๆ รูป มีสุขภาพที่ไม่ดี
ก็เป็นบาปทางอ้อมอีก เอาเป็นว่า
พระท่านเตือนสติผู้ที่มางานศพว่า

ตอนนี้ใครที่มีพ่อแม่ของตนยังอยู่
ก็ควรรีบที่จะเอาใจใส่ท่าน

ดีกว่า ตอนที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว
เราจะมานึกถึงท่าน แล้วทำบุญไปให้ท่าน
ก็สายเกินไปเสียแล้ว เพราะมนุษย์ทุกคน
อายุคงไม่เกิน 100 ปีแน่ ....

รีบ ๆ ทำซะ ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลัง


คิดแล้วเขียน :)V

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น