วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พลังงานลี้ลับ




โลกของวิญญาณ


เราต่างเกิดมา ทุกคนล้วนมีกรรม(การกระทำของตนเป็นตัวกำหนด)
จิตเป็นตัวรับรู้ และบันทึกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งมีทั้งดี และไม่ดี เปรียบเสมือน การถ่ายวีดีโอ
หรือมีการถ่ายภาพเก็บซ่อนไว้ในจิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว

สิ่งเหล่านี้สะสม บ่มนิสัย เป็นการแสดงออกมา
ในรูปแบบพฤติกรรมของมนุษย์แต่ละคน ที่แตกต่างกัน
บางคนเกิดวัน เดือน ปีเดียวกัน แต่มีนิสัยที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง


พูดง่าย ๆ ว่า ทุก ๆ สิ่งที่ล้อมรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กจนโต
สังคมที่เราอยู่ก็เป็นตัวสำคัญ ที่ช่วยกำหนดพฤติกรรมของเราให้เป็นไปในรูปแบบต่าง ๆ
เป็นตัวปั้น ตัวแต่ง ตัวเสริม คุณลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล
เรียกได้ว่า ไม่มีใครสามารถเหมือนใครได้ทั้งหมด แม้แต่ฝาแฝด

เหล่านักวิทยาศาสตร์ พยายามค้นหาเกี่ยวกับพฤติกรรมความแตกต่างของมนุษย์แต่ละคน
แต่สามารถทำได้ หาได้เฉพาะโครงสร้างของมนุษย์เท่านั้น
หน่วยที่เล็กที่สุดของมนุษย์ที่เรียกว่า DNA
ซึ่งเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
แต่ทางจิตใจยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่า
สิ่งที่เรียกว่า จิต นี้ ต้นกำเนิดมาจากอะไร?
เพราะเป็นนามธรรม เป็นสิ่งที่ยากเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้

หลายศาสนาพยายามเน้นให้ทุกคนกระทำความดี ละความชั่ว
โดยบัญญัติในรูปกฎ ระเบียบ ต่าง ๆ ให้มนุษย์ได้ปฏิบัติตาม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เหตุเพราะ หากไม่มีกฎระเบียบ ออกมาในลักษณะนี้ ย่อมสร้างปัญหาวุ่นวายให้กับสังคมในสมัยก่อนได้
เพราะสมัยก่อน มนุษย์เรายังไม่มีกฎหมาย บัญญัติขึ้นมา นอกจากศาสนา
ที่ช่วยเป็นตัวกำหนด บทบาทมนุษย์แทน ไม่ให้กระทำสิ่งต่าง ๆ เกินขอบเขตของตน
และล่วงเกินไปถึงผู้อื่น มิฉะนั้นสังคมก็จะอยู่อย่างสงบไม่ได้


แต่กระนั้น ก็ยังมีสิ่งลี้ลับ ที่หลาย ๆ คนตั้งข้อสังเกต หรือเป็นสิ่งที่เล่ากันต่อ ๆ มา
ที่เรียกกันว่า โลกวิญญาณ มีจริงหรือไม่
สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ประจักษ์ได้เที่ยงแท้และแน่นอน
เพราะไม่สามารถจับต้องได้ อาศัยเพียงผู้ที่มีพลังจิตพิเศษเท่านั้น
ที่จะสามารถสื่อถึงสิ่งเหล่านี้ได้ บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ
ที่ไม่เชื่อเพราะไม่เคยเห็นเลยไม่เชื่อ ก็คงเหมือนกันอากาศที่เราหายใจอยู่
ถ้าเราไม่มีวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยพิสูจน์ เราก็ยังไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า
ในอากาศนี่นะ มันมีกระแสคลื่นพลังงานซ่อนอยู่
ฉันใดก็ฉันนั้น ในโลกวิญญาณ ก็คงซ่อนอยู่ในรูปอากาศนี้เช่นเดียวกัน
แต่เป็นในระดับที่มนุษย์เราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้นเอง


มนุษย์จำเป็นต้องหาตัวแปร กระแสพลังงานตัวนั้นให้ได้ก่อน
จึงจะรู้ว่า วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ว่า โลกของวิญญาณนั้นเป็นเช่นไร?
ก็เหมือนกับ การหาคลื่นวิทยุ คลื่นไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กในอากาศได้ นั่นแหล่ะ
คนที่มีจิตละเอียด จิตที่มีความสงบ นิ่ง และเยือกเย็นเท่านั้น
ที่จะสามารถจะเข้าถึงโลกของวิญญาณได้
เหมือนพระอริยะเจ้าหลาย ๆ รูป ที่มีจิตละเอียด
สามารถล่วงรู้ เหล่าเวไนยสัตว์ได้



ลักษณะวิญญาณเป็นอย่างไรนั้น ข้าพเจ้าไม่อยากเดา
และก็ไม่สามารถบอกได้เช่นเดียวกัน เพราะไม่เคยเห็น ^_^
แต่พอจะอนุมานได้คร่าว ๆ ว่า
เป็นกระแสพลังงานที่แฝงอยู่ในรอบ ๆ ตัวมนุษย์นี่แหล่ะ
และมีข้อแม้อีกอย่าง ที่ข้าพเจ้าคิดว่า
จิตของคนเรามีลักษณะพิเศษ
สามารถปรุงแต่งให้เห็นเป็นรูปต่าง ๆ
ภาพต่าง ๆ ให้เห็นได้เช่นกัน
อาการคงเหมือนคนประสาทหลอน ประมาณนั้น

ฉันใดก็ฉันนั้น บางครั้งนิมิตที่เราเห็น บางทีก็ไม่เป็นจริง
หลาย ๆ คนไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานมา ยังหลงติดภาพที่เราเห็นตอนที่หลับตา
คิดว่า ตนเองได้ไปสวรรค์ หรือไปเที่ยวนรกจริง ๆ เสียแล้ว

เคยได้ยิน และได้อ่านตำราหลายแห่ง
ครู อาจารย์หลาย ๆ คน ที่สอนนั่งวิปัสสนากรรมฐาน
ท่านก็บอกว่า ให้นั่งหลับตาไป อย่าไปคิดฟุ้งซ่าน
ใจอย่าไปติดกับภาพที่เห็นนั้น ไม่มีจริง!
แต่ข้าพเจ้าก็แปลกใจไม่หายว่า
แล้วแบบไหนล่ะ ที่เราเห็นจะเป็นภาพของจริง!!!

สงสัยข้าพเจ้าจะต้องลองไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานเสียหน่อยแล้วกระมัง!
จะได้รู้ว่า ภาพไหนเป็นลักษณะของจิตที่ปรุงแต่งเอง และภาพไหน
เป็นภาพที่เราเห็นว่า เป็นของจริง!
ว่าแต่ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนที่กลัวผีที่สุดเลย
แล้วแบบนี้ ข้าพเจ้าจะสามารถนั่งวิปัสสนากรรมฐาน กับเขาได้ไหมล่ะนี่ อิอิ ^__^

โดย คิดแล้วเขียน V:)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อธิบายศัพท์

เวไนยสัตว์

เวไนยสัตว์ มาจากคำภาษาบาลีว่า เวเนยฺย กับคำภาษาสันสกฤตว่า สตฺตว แปลรวมกันว่า สัตว์ผู้ควรแก่การแนะนำสั่งสอน สัตว์ที่พึงแนะนำได้ สัตว์ที่พอดัดได้สอนได้
ในบรรดาสัตว์โลกทั้งหลาย มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีสมอง มีสติปัญญา สามารถคิดและไตร่ตรองได้ แต่การจะเข้าใจสิ่งใดได้นั้นมีมากน้อยแตกต่างกันไป และความเข้าใจธรรมะของมนุษย์ก็ยังแตกต่างกันออกไปอีก
ความเข้าใจธรรมะนี้ไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับความสามารถในการเรียนรู้วิชาการแขนงต่างๆ ในทางโลก เพราะผู้ที่ได้ชื่อว่าเรียนเก่งอาจจะไม่สามารถเข้าใจธรรมะได้ ในขณะที่ผู้ที่เรียนไม่เก่งอาจจะสามารถเข้าถึงธรรมะอันลึกซึ้งของพระพุทธเจ้าได้อย่างถ่องแท้และรวดเร็ว

มนุษย์บางคนเป็นเวไนยสัตว์ เพราะเป็นผู้ที่สามารถฟังธรรมะในพระพุทธศาสนาแล้วนำไปปฏิบัติฝึกอบรมตนตามธรรมะนั้นได้ แต่บางคนไม่อาจเรียกว่า เวไนยสัตว์ เพราะไม่มีปัญญาแม้ว่าจะฟังธรรมกี่ครั้งกี่หนก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ไม่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น