วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรื่องของเด็ก ๆ

ที่ทำงานของข้าพเจ้าไม่ค่อยมีเด็กเล็ก ๆ มาวิ่งเล่น
จะมีก็แต่ลูกหลานคนงาน เด็กส่งเอกสารเท่านั้น ที่เห็นประจำ
ซึ่งพวกนี้เงินเดือนจะน้อย เราผู้ซึ่งไม่มีลูก
หรือหลานใกล้ชิด ก็มักจะไปเที่ยวชื่นชมลูกชาวบ้านเขา :)

ด้วยความที่ตนเอง เคยเป็นเด็กต่างจังหวัดมาก่อน
ก็พอทราบถึงความลำบากของพ่อแม่ในช่วงเล็ก ๆ เหมือนกัน
เห็นลูกคนงาน ยังไม่ไปเรียนหนังสือ ก็นึกสงสาร ตัวดำ ๆ แต่งตัวมอมแมม

ข้าพเจ้ามักจะแบ่งปันขนมให้เด็กเหล่านี้รับประทานเสมอ ๆ
จากเมื่อก่อนมีแค่เด็กหลานคนสวนคนเดียว
ตอนนี้กลับกลายเพิ่มเป็น 2 คน
คือเด็กผู้หญิงไว้ผมจุก ตัวดำ ๆ เหมือนกัน หน้าตาธรรมดา
แต่พูดจาน่ารัก เพราะมีแม่เขาสอนมาดี

เปรียบเทียบระหว่างเด็กสองคน
คนแรก หลานคนสวนหน้าตาดี แต่พูดจาไม่เพราะ ดื้อ ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่
คนที่สอง หน้าตาธรรมดา แต่แปลกตรงไว้ผมทรงจุก
แต่เด็กเขาพูดจาไพเราะ ทุกคนเลยหันมาใส่ใจกับเด็กผมจุกมากกว่า
เพราะเป็นของแปลก!

ตอนแรก ๆ ไม่ค่อยมีใครชอบเด็กผมจุกเท่าไรนัก
เพราะตัวดำ ๆ หน้าตาไม่น่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป
บางคนกลับหัวเราะเป็นตัวตลกไป เหมือนกุมารทองมากกว่า
เด็กผมจุกนี่เก่ง ให้ทำอะไรทำได้ สวดมนต์ได้
ข้าพเจ้าเลยแซวว่า ให้ขนมแล้ววันหลังอย่าลืมให้เลขด้วยนะ ^_^

พอเด็กถูกแซวจากข้าพเจ้าหน่อยเดียว จากบางคนที่รังเกียจไม่เคยชายตามอง
ที่นี้คนที่ชอบเล่นหวย เลยขนเสื้อผ้าของลูกตัวเองเอามาให้เด็กใหญ่เลย
แถมขอเลขเด็กอีกด้วยนะ

คนเราก็แปลก! หากไม่มีผลประโยชน์อะไร สามารถทำอะไรให้อะไรด้วยใจ
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนได้ไหม เห็นน้ำใจคนสมัยนี้แล้วรู้สึกว่า
ต้องมีผลประโยชน์ก่อนหรืองัย ถึงให้ได้!

หลายวันก่อน เด็กคนแรก หลานคนสวน ขึ้นมาหาข้าพเจ้า
ตอนที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ มานั่งคอย หลาย ๆ คนเขาไม่ให้
เพราะเห็นพฤติกรรมเด็กไม่ค่อยน่ารัก พูดจาไม่เพราะ
เด็กเลยลงไปด้วยความเสียใจ เพราะถูกย่าลากตัวให้ลงไป

ยามผู้หญิง มาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า สงสารเด็กมัน
เด็กขึ้นมาคอยอยู่ตั้งนาน แต่ไม่มีใครสนใจเด็กคนนี้เลย

เมื่อมีเด็กจุกแล้ว เด็กคนนี้เลยหัวเน่า
เพราะเด็กจุกปากหวาน ไม่ดื้อ คนเลยชอบ

น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องมีคนบอก
ถ้าทำด้วยใจ ก็สามารถทำได้

โดย คิดแล้วเขียนV :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น