วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ธรรมะจากโต๊ะกินข้าว

ช่วงเย็นข้าพเจ้ารับประทานอาหารกับพี่สาว
พอดีเปิดสารคดีเรื่องเกี่ยวกับสิงโตทะเลอยู่

ก็คุยสัพเพเหระเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนโลก
พอดีนึกขึ้นได้ว่า ได้อ่านหนังสือเล่มนึง
เรื่องไดโนเสาร์ขึ้นมา เป็นหนังสือของ
หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เล่มนึง
บอกว่าสาเหตุที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
ไม่ใช่ลูกอุกาบาตจากนอกโลกตกใส่
แต่เกิดจากโรคระบาด ...(พระบอก)

ข้าพเจ้าก็ลองอนุมานว่า ถ้าลูกอุกกาบาตตกใส่
สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตต้องตายเรียบหมด
แต่นี่ยังเหลือสัตว์บางชนิดมาถึงปัจจุบันได้
เช่น ช้าง เต่า จระเข้ (พวกสัตว์โบราณ)
เพียงแต่ตัวเล็กลงกว่าเดิมเท่านั้น
และยังพอมีซากไดโนเสาร์เหลือให้เราศึกษา
ถ้าเป็นลูกไฟ มันต้องเผาผลาญราบเป็นหน้ากลองซินะ
(ลองคิดถึงเหตุผลเล่น ๆ ) ....ก็พอจะเข้าเค้าตามที่พระบอก...
ข้าพเจ้าก็ลองยกข้อมาเหตุผลมาคุยกับพี่สาว

พระที่นั่งกรรมฐานนี่ เขาบอกว่าเห็นแบบนั้นนะ
แล้วก็บอกว่า ภูเขาที่ท่านปฏิบัติธรรมอยู่
แต่ก่อนเป็นทะเล ตอนหลังพื้นดินดันตัวสูงขึ้น
จากทะเลก็กลายเป็นดิน

พี่สาวเห็นด้วยว่า แผ่นดินที่เป็นภูเขา
เกิดจากเปลือกโลกเคลื่อนตัวดันแผ่นดินขึ้นมา
ซึ่งเทือกเขาหิมาลัย
ก็เกิดจากอินเดียชนกับทวีปเอเชีย
จึงดันเป็นเทือกเขาหิมาลัยนี่เอง

ตอนนี้พี่สาวกำลังจะสอนเด็กเรื่อง
ให้แปลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวด้วย
ซึ่งประเทศญี่ปุ่น เป็นแนวตะเข็บของโลก
อยู่รอยต่อระหว่าง 3 ทวีป
เวลามีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก
ญี่ปุ่นมักจะโดนก่อน เพราะมีจุดศูนย์กลางที่โตเกียว
(อันนี้ฟังพี่สาวเล่ามาอีกที เห็นแกบอกว่า
วันหลังเอารายละเอียดให้ดู)
ก็พูดกันถึงเรื่องใต้โลก แผ่นดินไหว
พี่สาวก็บอกว่า ใต้โลกนะเป็นของเหลวทั้งนั้น
เวลาเปลือกโลกเคลื่อนตัว ของเหลวก็มักจะดันออกมา
ตามแนวตะเข็บ ซึ่งบางแห่งก็เกิดเป็นภูเขาไฟขึ้นมา
เช่น ภูเขาฟูจิ ....เปลือกโลกมีความหนานิดเดียว
ประมาณ 60 กิโลเมตรเอง ....
หลักวิทยาศาสตร์เหล่านี้
เรา ๆ ก็เคยเรียนผ่านมาแล้วทั้งนั้น
เรื่องเปลือกโลก ของเหลว
ใต้โลกที่เรียกว่า แมกม่า
แต่พอไหลออกมาจากแผ่นดิน เรียกว่า ลาวา
อะไรประมาณนี้ ....

ข้าพเจ้าก็เข้าเรื่องได้อีก
ก็บอกว่า ศาสดาพระพุทธเจ้าเรานี่เก่งนะ
ไม่ต้องวิจัยอะไร แค่นั่งกรรมฐานอย่างเดียว ^_^
สามารถล่วงรู้สรรพสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ได้หมด
ใต้โลกที่เรียกว่า ไฟนรกโลกันต์ ก็คงเป็นพวกแมกม่า
ที่ไหลวนอยู่ภายในโลก และโลกก็หมุนเป็นวงกลม
เหมือนวงล้อเกวียน ทุกอย่างมีขึ้น มีลง มีเกิด มีดับ
๒๕๐๐ ปี ก่อนวิทยาศาสตร์จะค้นพบ
ท่านทราบหมดทุกอย่างแล้ว ....น่าทึ่งเน๊าะ!!

นักวิทยาศาสตร์หลายคนต่างก็ทึ่งในอัจฉริยะภาพ
ศาสดาของเรา และพยายามหาทางพิสูจน์
สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน สมัยนี้ชาติตะวันตก
หันมาสนใจการนั่งวิปัสสนากรรมฐานกันมากขึ้น
มีพระต่างชาติ ก็สนใจในธรรมะมากขึ้น

คนไทยเราเองกลับไปสนใจสิ่งแปลกประหลาด
กับพวกสัตว์ 2 หัว 6 ขา 4 ตา แล้วตีเป็นหวยกัน
แต่ไม่ค่อยสนใจที่มา หรือที่ไป
พูดง่าย ๆ ว่า ได้รับอะไรมา แล้วไม่ค่อยคิดต่อ
หรือตั้งข้อสงสัยน่ะ ... ถ้าทุกคนหัดตั้งข้อสังเกต
หรือตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่เห็น
คงมีนักวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยอีกเยอะ

ส่วนมากคนไทย
ตั้งข้อสงสัยในเรื่องที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าใดนัก
อิอิ ...สมัยนี้ต้องเปลี่ยนหลักสูตรให้เด็กคิดให้เป็น
มากกว่า สอนป้อนข้อมูลให้เด็กจำอย่างเดียว
เพราะคงไม่เกิดประโยชน์เท่าใดนัก
เพราะความจำมักจะอยู่ได้ไม่นาน ....

วันนี้ได้ธรรมะจากโต๊ะกินข้าว
เลยนำมาบอกต่อ เขียน blog นี่แหล่ะ
หม่ำเจให้อร่อย ก็ต้องมีธรรมะกลับแกล้มด้วย อิอิ ^_^

โดย คิดแล้วเขียน :)V

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น