วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทำดีไว้ สวรรค์ดลใจ

หลายคนแปลกใจ วันลอยกระทงที่ผ่านมาว่า
ข้าพเจ้าแอบหนีเที่ยวหรือเปล่า
จริง ๆ แล้ววันนั้นบอกที่บ้านไว้แล้วว่าจะไปอบรม
ซึ่งในตอนแรก โปรชัวร์การอบรมบอกเป็นวันที่ 27 พ.ย.53 ด้วยซ้ำ
แต่ในอินเตอร์เน็ท เป็นวันที่ 21 พ.ย.53 ข้าพเจ้าต้องสอบถามให้แน่ใจ
เพื่อมิให้โปรแกรมที่วางไว้ชนกัน ได้ความสรุปว่า เป็นวันที่ 21 พ.ย.53

ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจสมัคร แต่ดันมาชนเทศกาลวันลอยกระทงพอดี
ซึ่งสถานที่ ที่เขาจัดอบรมก็ต้องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา
เพราะอยู่คนละฝั่งกัน จะไปทางบก หรือทางน้ำ
ก็ต้องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา
แต่ข้าพเจ้าถนัดทางน้ำ เพราะเคยลงเรือบ่อยครั้ง

อีกทั้งขาไป สนามหลวงปิดถนนหลายช่วง
เห็นประชาชนเข้าร่วมวิ่งมารธอนกัน
ทำให้ต้องลงท่าช้าง ซึ่งข้าพเจ้าต้องต่อเรือที่ท่าช้างไปฝั่งวัดระฆังพอดี
จากนั้นก็สามารถเดินทะลุถนนหลัก ต่อไปได้ โดยผ่าน รพ.ศิริราช
ตามที่ข้าพเจ้าดูแผนที่ก่อนไป สะดวกและเร็วกว่า
แต่เผอิญขากลับ มารอเรือที่ท่าช้าง ขึ้นเรือผิดลำ
เห็นเรือจังหวัดนนท์ เลยรีบโดดขึ้น เพราะคนแน่น
ปรากฎว่า เรือไปต่อท่าสาธร (เป็นขาไป มิใช่ขากลับ)
จะจ่ายเงินพอดี พนักงานเก็บเงินรีบคืนเงินให้
บอกให้รีบลงท่าเตียน (เป็นท่าถัดไปจากท่าช้าง)
คอยเรือไปนนท์ที่ท่านี้ โดยไม่ต้องเสียเงิน
ก็คอยอยู่นาน เพราะเรือเต็มทุกลำที่ผ่านมา
มีแต่ชาวต่างชาติ เริ่มมืดแล้วด้วย
เลิกอบรม ประมาณ ห้าโมงเย็นกว่าจะมาต่อเรือ
ก็ หกโมงได้ เลยได้อยู่ตรงท่าเตียน ติดกับสวนสาธารณะที่สร้างใหม่
ตอนนั้นก็ยังงง ๆ เพราะเห็นคนนั่งเต็มสวน เหมือนคอยถ่ายรูปอะไรสักอย่าง

ข้าพเจ้าแค่สนใจวัดอรุณฯ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับท่าเตียน แสงไฟยามค่ำ
และพระอาทิตย์ตก สวยบาดตาบาดใจ
ก็ได้โอกาสเก็บภาพ ที่พอจะเก็บได้ผ่านมือถือรุ่นโบราณ(นิดหน่อย)
ก็เป็นโอกาสดี ได้นั่งเรือชมพระจันทร์ดวงโต และริมแม่น้ำสองฝั่งเจ้าพระยา

แบบนี้ ถ้าไม่ใช่ดวง ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
ที่บ้านยังสงสัยเลยว่า ข้าพเจ้าเลือกวันเรียนเองหรือเปล่า
แบบว่า ขอหนีเที่ยวในวันลอยกระทง

ก็คงเหมือนคนที่ทำดี สิ่งที่ดีก็ดลจิตดลใจให้เราหลงขึ้นท่าผิด
(มีไม่บ่อยนัก อิอิ)

แต่ถ้าคนดวงมันจะซวย อาจจะดลจิตดลใจให้เราตกน้ำตกท่าเรือ
ก็เป็นได้ บางคนอาจจะจบชีวิตลง หากเกิดขึ้นเรือผิดลำ
แล้วเรือนั้นไปล่มกลางแม่น้ำ

คนเรามันก็ขึ้นอยู่กับเวรกรรมจริง ๆ นะ
ข้าพเจ้าก็ต้องโทร.บอกที่บ้านเป็นระยะ
เพราะกลับบ้านผิดเวลา แถมมาทางน้ำ
ซึ่งคนแน่น ที่บ้านเป็นห่วง เพราะไปคนเดียว
แถมยังถูกสงสัยอีกแน่ะว่า ทำไมกลับทางน้ำ
ไม่กลับทางรถยนต์ (ก็ถนนมันปิดหลายช่วง ตั้งแต่ขาไปแล้ว)
ข้าพเจ้าก็คิดในใจแล้ว ว่าวันสำคัญขนาดนี้
ทางบกรถคงติด คนคงเยอะน่าดู
และแล้วก็จริง ๆ กระเป๋ารถเมล์สายอื่นพูดให้ได้ยินว่า
รถเบอร์ที่ข้าพเจ้าจะกลับขาดตอน
แล้วจะกลับทางไหนได้สะดวก
ถ้าไม่ใช่ทางน้ำ จริงป่ะ

ก็คิดว่า โชคดีในวันพระ
และก็ขอภาวนาให้โชคดีเช่นนี้ตลอดไป สาธุ

ปล.ที่ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
มิได้เป็นการข่ม หรือเย๊าะเย้ยคนดวงไม่ดี
แต่เขียนไว้ว่า เมื่อเราทำดีแล้ว
สิ่งที่ดี ๆ ก็จะมีมาให้เราเอง
แม้มีใครกลั่นแกล้ง คนนั้นก็จะแพ้ภัยตัวมันเอง
ถึงแม้ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น
แต่สิ่งที่เราไม่สามารถมองตาเปล่าได้เห็น
เขาเห็นเอง

จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไป
ณ ตอนนี้อาจมีใครกำลังจ้องมองคุณ
กำลังทำอะไรอยู่ก็ได้
อิอิ



คิดแล้วเขียน :))

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น